1. คาดการณ์เศรษฐกิจ
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2551 ที่ผ่านมามีการจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อนระยะเดียวกัน ส่วนอุตสาหกรรมการผลิต แปรรูปในประเทศหลากหลายแขนงมีการผลิตและการส่งออกลดลง เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้า โดยเฉพาะจากต่างประเทศมีมูลค่าลดลงมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล และยานพาหนะ มีการสั่งซื้อ/ส่งออกลดน้อยลงกว่าร้อยละ 20 ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลอดปี 2551 คาดว่าเยอรมนียังคงสามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 4 และจะมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ นั้น เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก 2551 มีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของรถยนต์เยอรมัน จึงทำให้การผลิตรถยนต์ในเยอรมนีต้องลดปริมาณลงมาก ส่งผลให้ตลอดทั้งปีมีการผลิตรถยนต์ลดลงร้อยละ 3 และได้ทำให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น ผู้ผลิตชิ้นส่วน อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ เกิดเป็นปัญหาขึ้นด้วย โดยในชั้นแรกนี้ ได้มีการลดชั่วโมงทำงานก่อน และก็มีผู้ประกอบการขนาดเล็กบางรายถึงต้องปิดกิจการไปแล้ว เพราะขาดเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในการพิจารณาให้เครดิตกับผู้ประกอบการรายย่อย ถึงแม้ว่า อุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ในเยอรมนีส่วนใหญ่จะได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและในทางอ้อมมากน้อยแตกต่างกันไป แต่สำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี มั่นคงและยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ทั้งในปีนี้และปี 2552 ในขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ในปี 2551 อยู่ที่ร้อยละ 1.2 และในปี 2552 จะถดถอยลงที่อัตราประมาณ — 2.0 - —3.0 %
2. มาตรการช่วยเหลือ/ แก้ไข สถานการณ์
โครงการณ์ช่วยเหลือสถาบันการเงิน โครงการแรกวงเงิน 500,000 ล้านยูโร นั้น นอกจากธนาคารที่แคว้นสำคัญของเยอรมนีมีหุ้นส่วนอยู่ด้วย 3 รายได้ขอใช้แล้ว ยังมีธนาคารเอกชน Commerzbank ขอรับความช่วยเหลือรวม 2 ครั้ง เป็นวงเงินทั้งสิ้น 18,000 ล้านยูโร และตามเงื่อนไขการกู้ได้ให้รัฐบาลเยอรมันเข้ามีหุ้นส่วน 25 % ด้วยแล้ว สำหรับสถาบันการเงินอื่นๆ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีรายอื่นใดที่ต้องการความช่วยเหลือ
โครงการที่ 2 วันที่ 12 มกราคม 2552 รัฐบาลเยอรมันได้ลงมติอนุมัตการช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศเป็นโครงการที่ 2 วงเงินจำนวน 50,000 ล้านยูโร สำหรับการปรับปรุงระบบการศึกษา การบูรณะ ซ่อมแซมสถานศึกษา โครงสร้างการคมนาคม รวมทั้งการลดภาษี เบี้ยประกันสังคม เพิ่มเงินช่วยเหลือครอบครัว เหล่านี้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ทางด้านผู้ประกอบการรายย่อย ยังคงมุ่งหวังให้รัฐบาลเน้นการช่วยเหลือกิจการที่มีขนาดเล็กที่ขาดสภาพคล่องให้มากขึ้นกว่านี้ เนื่องจากการกู้ยืมเงินจากธนาคารเป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก เพราะปัจจุบันกิจการขนาดเล็กเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับการเห็นใจ ช่วยเหลือจากธนาคาร
3. ในส่วนของการค้ากับประเทศไทย นั้น ตลอดทั้งปี 2551 คาดว่า การส่งออกสินค้าไทยไปเยอรมนี โดยเฉพาะสินค้ารายการสำคัญๆ เช่น เครื่องไฟฟ้า อิเลคทรอนิกส์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับ และยางพารายังคงสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ในภาพรวมการส่งออกไทย - เยอรมนีตลอดปีจะมีการขยายตัวที่ประมาณร้อยละ 7 - 10 ทั้งนี้ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2551 ไทยส่งออกสินค้าไปเยอรมนีเป็นมูลค่า 2,968.04 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 สำหรับปี 2552 ตลอดทั้งปี คาดว่าไทยยังคงสามารถส่งออกสินค้าไปเยอรมนีเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีกได้ โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เนื่องจากสินค้าไทยมีความได้เปรียบด้านมาตรฐาน ความปลอดภัยและความหลากหลายของสินค้า
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศฯ เบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th