ธุรกิจสปาและนวดแผนไทยในอิหร่านถือเป็นธุรกิจใหม่ที่ยังไม่มีการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ แต่มีชาวอิหร่านบางรายได้เปิดกิจการเล็กๆ โดยใช้ประสบการณ์และการเรียนรู้จากที่ได้ไปพบเห็นและสัมผัสการนวดแผนโบราณด้วยตัวเองในประเทศไทยมาเป็นจุดขายในการเปิดธุรกิจนี้ อย่างไรก็ดี การนวดแผนไทย และ สปายังไม่เป็นที่แพร่หลายในอิหร่านมากนัก ทั้งนี้ชาวอิหร่านที่เปิดกิจการนวดแผนโบราณหรือนวดฝ่าเท้ามักนิยมทำตลาดโดยการวางเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของตนตามร้านขายยาหรือร้านเสริมสวยตามแหล่งชุมชนที่ผู้มีฐานะดีอาศัยอยู่
ชาวอิหร่านที่รู้จักธุรกิจการนวดแผนโบราณและสปาจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจที่ได้เดินทางสู่ประเทศไทยและรู้จักสปาและนวดแผนโบราณในประเทศไทย ซึ่งมีปีละกว่า 85,000 คน โดยคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีฐานะดี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 20 ประชากรทั้งหมด ดังนั้นประชาชนที่เหลือส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยและยังจินตนาการไม่ออกถึงรูปแบบการทำธุรกิจสปาและการนวดแผนโบราณของไทย
ธุรกิจการนวดที่นักธุรกิจชาวอิหร่านที่เปิดเป็นการให้บริการนวดฝ่าเท้า ซึ่งไม่ได้ขออนุญาตเปิดกิจการเป้นการนวดเฉพาะด้าน เนื่องจากยังไม่มีกฎระเบียบรองรับ นักธุรกิจชาวอิหร่านจึงทำกิจการในรูปแบบผสมผสานกับธุรกิจอื่นแทน เช่น เปิดร้านเสริมสวยควบกับสปา หรือ เปิด Sport Culp ควบกับการนวดแผนไทย โดยหมอนวดจะเป็นชาวอิหร่านทั้งหมด ซึ่งได้รับการฝึกหัดจากหมอนวดชาวไทย เช่นจากวัดโพธิ์ ซึ่งให้บริการนวดทั้งที่บ้านและที่ร้าน โดยราคาค่าบริการนวดที่ร้านคิดชั่วโมงละ 200,000 เรียล หรือประมาณ 600 บาท ถ้าเป็นการบริการนวดที่บ้านคิดชั่วโมงละ 250,000 เรียล หรือประมาณ 750 บาท
1. เนื่องจากอิหร่านยังไม่มีธุรกิจประเภทนวด การติดต่อขออนุญาตจดทะเบียนกับกระทรวงและองค์กรต่างๆ ต้องใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากอิหร่านยังไม่มีองค์กรที่เข้ามารับผิดชอบโดยตรง ขั้นตอนการขออนุญาตจึงไม่สามารถจำกัดเวลาที่แน่นอนได้ สำหรับ
2. การติดต่อระหว่างหน่วยงานต่างๆ ต้องอธิบายหลักเกณฑ์และรูปแบบอย่างชัดเจน ว่าไม่ใช่เป็นแหล่งมั่วสุมและผิดต่อหลักการทางศาสนา เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้ยินชื่อเสียงของประเทศไทยในแง่ลบมากกว่า
3. ชาวอิหร่านส่วนใหญ่มักทำธุรกิจแบบผูกขาดและพึ่งตนเองในระยะยาว โดยนักธุรกิจอิหร่านที่สนใจทำธุรกิจสปาและนวดแผนโบราณจะจ้างหมอนวดชาวไทยมาสอนและนำเข้าอุปกรณ์การนวดทั้งหมด หรือชาวอิหร่านจะไปเรียนนวดที่เมืองไทยด้วยตนเองและกลับมาเปิดกิจการส่วนตัว ซึ่งบางครั้งจะให้บริการที่ไม่ถูกต้องตามหลักการนวดแผนไทยเท่าไดนัก
1. ทางการไทยควรโฆษณาเผยแพร่และการสร้างภาพพจน์ในแง่บวก ตลอดจนส่งเสริมความเข้าใจต่อประชาชนชาวมุสลิมเรื่องของสปาและการนวดแผนโบราณ และประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และกีดกันการนวดแผนไทยและสปาในอนาคต
2. เนื่องจากอิหร่านเป็นประเทศที่ยึดกฎหมายอิสลามเป็นแม่บท ดังนั้นเพื่อมิให้ผิดต่อหลักการศาสนา หมอนวดจะต้องเป็นเพศเดียวกับผู้นวด โดยผู้หญิงนวดผู้หญิงและผู้ชายนวดผู้ชาย และควรแยกวันที่เปิดให้บริการออกอย่างชัดเจน อาทิเช่น วันคี่ (วันอาทิตย์ วันอังคาร วันพฤหัสบดี) เปิดให้บริการเฉพาะลูกค้าเพศหญิง เป็นต้น
3. เพิ่มความหลากหลายในการให้บริการ เช่น การนวดฝ่าเท้า การนวดคลายจุด การนวดใบหน้า นวดโดยใช้สมุนไพร เนื่องจากสตรีชาวอิหร่านให้ความสนใจต่อสุขภาพ ความสวยความงาม โดยเฉพาะกลุ่มสตรีที่มีฐานะดีในสังคมอิหร่าน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเตหะราน
ที่มา: http://www.depthai.go.th