สรุปภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย - สหรัฐอเมริกา ปี 2551 (ม.ค.—ธ.ค.) สรุปจากสถิติ Menucom กรมส่งเสริมการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 23, 2009 10:51 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ข้อมูลทั่วไป:
เมืองหลวง           :  Washington , DC
พื้นที่                :  9,161,923  ตารางกิโลเมตร
ภาษาราชการ         :  English
ประชากร            :  301.6 ล้านคน (1 ก.ค. 2550)
อัตราแลกเปลี่ยน       :  US$ : 34.745 บาท (20/01/52)

(1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ

ปี 2007 ปี 2008

Real GDP growth (%)                               2.0         1.8
Consumer price inflation (av; %)                  2.9         4.5
Budget balance (% of GDP)                        -1.2        -2.5
Current-account balance (% of GDP)               -5.3        -4.7
Commercial banks' prime rate (year-end; %)        5.0         2.2
Exchange rate ฅ:US$ (av)                         1.37        1.51

โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับสหรัฐอเมริกา
                                   มูลค่า :         สัดส่วน %     % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น                  20,274.50        100.00         4.42
สินค้าเกษตรกรรม                     1,825.82          9.01        18.71
สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร             2,050.56         10.11        15.45
สินค้าอุตสาหกรรม                    15,858.37         78.22         1.80
สินค้าแร่และเชื้อเพลิง                    539.76          2.66        63.59
สินค้าอื่นๆ                                0.0           0.0      -100.00

โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับสหรัฐอเมริกา
                                     มูลค่า :         สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นำเข้าทั้งสิ้น                          11,391.01        100.00         19.98
สินค้าเชื้อเพลิง                           362.83          3.19         57.77
สินค้าทุน                              3,808.04         33.43         11.19
สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป               5,858.43         51.43         26.52
สินค้าบริโภค                           1,230.08         10.80         27.57
สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง               97.33          0.85         16.05
สินค้าอื่นๆ                                34.29          0.30        -78.70

1. มูลค่าการค้า
มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - สหรัฐอเมริกา
                           2550            2551        D/%

(ม.ค. - ธ.ค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการค้ารวม            28,909.97       31,665.51      9.53
การส่งออก                19,415.61       20,274.50      4.42
การนำเข้า                 9,494.37       11,391.01     19.98
ดุลการค้า                  9,921.24        8,883.49    -10.46

2. การนำเข้า
ประเทศไทยนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 11,391.01 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.98 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                               มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม              11,391.01         100.00         19.98
1. แผงวงจรไฟฟ้า                1,162.77          10.21        -16.74
2. เคมีภัณฑ์                     1,150.47          10.10         38.94
3. เครื่องจักรกล                 1,132.22           9.94         20.43
4. เครื่องคอมพิวเตอร์               860.46           7.55         -1.72
5. เหล็ก เหล็กกล้า                 732.15           6.43        142.31
          อื่น ๆ                1,263.18          11.09          7.78

3. การส่งออก
ประเทศไทยส่งออกไปเป็นสหรัฐอเมริกา อันดับที่  1 มูลค่า 20,274.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.42 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                               มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม              20,274.50         100.00          4.42
1. เครื่องคอมพิวเตอร์             3,426.57          16.90          1.13
2. เสื้อผ้าสำเร็จรูป               1,408.65           6.95         -8.09
3. อาหารทะเลกระป๋อง            1,191.99           5.88         14.18
4. อัญมณี                       1,075.88           5.31          4.78
5. ผลิตภัณฑ์ยาง                    955.91           4.71         11.22
          อื่น ๆ                3,931.79          19.39         -5.97

4. ข้อสังเกต
4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2551 (มค.-ธค.) ได้แก่

เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของไทยรองจากจีน และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 23.39 44.83 17.40 และ 1.13 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

เสื้อผ้าสำเร็จรูป : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2549-2551 มีอัตราการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่องร้อยละ -2.26 -5.81 -8.09 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

อาหารทะเลกระป๋องฯ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2550 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-6.04%) ในขณะที่ปี 2548 2549 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.47 24.25 และ 14.18 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

อัญมณีและเครื่องประดับ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 4 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2549 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-1.84%) ในขณะที่ปี 2548 2550 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.16 9.37 และ 33.16 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

ผลิตภัณฑ์ยาง : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 29.61 23.36 11.87 และ 11.22 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2551 (ม.ค.-ธ.ค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราเพิ่มสูงโดยสูงกว่าร้อยละ 30 มีรวม 4 รายการ คือ
 อันดับที่ / รายการ             มูลค่า         อัตราการขยายตัว     หมายเหตุ
                        ล้านเหรียญสหรัฐ           %
 10. ยางพารา               581.39           30.35
 12. น้ำมันดิบ                507.41           69.22
 15. ข้าว                   328.72           49.11
 23. เลนซ์                  230.34           38.72

4.3  ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐอเมริกาปี 2551 (ม.ค.-ธ.ค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 7 รายการ คือ
  อันดับที่ / รายการ                   มูลค่า         อัตราการขยายตัว
                               ล้านเหรียญสหรัฐ          %
  2. เสื้อผ้าสำเร็จรูป                1,408.65          -8.09
  7. แผงวงจรไฟฟ้า                   699.83         -10.73
  8. เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์              699.56          -2.80
 17. รถยนต์ อุปกรณ์                   313.24          -3.07
 21. เฟอร์นิเจอร์                     245.25         -25.37
 22. รองเท้า และชิ้นส่วน               236.67          -2.52
 25. เครื่องปรับอากาศ                 160.96         -14.19

4.4  ข้อมูลเพิ่มเติม

การค้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในสหรัฐฯ สามารถทำได้อย่างเสรี และยังมีโอกาสสูง โดยกลุ่มผู้บริโภคที่น่าสนใจมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันผิวขาว ที่ชอบเครื่องประดับ เพชรที่ทำด้วยทองคำ 18 กะรัตหรือโลหะมีค่าประเภทอื่ๆ เช่น แพลตตินัม และเงิน รองลงมาคือ กลุ่มชาวฮิสแปนิก ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ ครอบคลุมเชื้อสายสเปน ละตินอเมริกา คิวบา เม็กซิโก และเปอร์โตริโก เป็นต้น และปัจจุบันมีจำนวนประชากรประมาณ 15% หรือ 46 ล้านคน ที่ชอบทองคำและเครื่องประดับที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ทั้งนี้ หากแยกตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มผู้บริโภคอายุระหว่าง 55-64 ปี ประมาณ 26 ล้านคน เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อมากที่สุด รองลงมา กลุ่มอายุระหว่าง 35-44 ปี ประมาณ 48 ล้านคน ซึ่งการทำตลาดต้องอาศัยกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปทั้งในด้านการกำหนดรูปแบบผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่ายและการส่งเสริมการจำหน่ายอย่างไรก็ตาม จากวิกฤติการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ผู้นำเข้าสหรัฐฯ มีความเข้มงวดในการสั่งซื้อสินค้า และซื้อสินค้าน้อยลง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสินค้าตกค้างในสต๊อกผู้ผลิต ผู้ค้าปลีกหลายรายต้องปิดกิจการไป ขณะที่ผู้บริโภคก็ชะลอการซื้อสินค้าและหันไปบริโภคเครื่องประดับเงิน และพลอยเนื้ออ่อนมากขึ้นแทนที่จะเป็นเครื่องปะดับทองและพลอยเนื้อแข็ง และยังมีการหันไปสั่งซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตและช่องทางการขายตรงอื่นๆ มากขึ้น นอกจากนี้ ไทยยังมีคู่แข่งอีกเป็นจำนวนมาก ในตลาดสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย อิตาลี และจีน แม้ว่าจีนจะไม่ได้รุกเข้าไปตลาดสหรัฐฯ อย่างดุเดือดเช่นเดียวกับอินเดีย แต่สินค้าจากจีนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ได้สูงกว่าไทย โดยจีนมีส่วนแบ่งร้อยละ 15 ไทยร้อยละ 12 และจีนเองยังคงพัฒนาคุณภาพสินค้าทั้งด้านการออกแบบ และสร้างตราสินค้า นอกเหนือจากการมุ่งแข่งขันในด้านราคาซึ่งจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทย แม้แนวโน้มตลาดสหรัฐฯ จะชะลอตัวลง และผู้บริโภคจะลดการใช้จ่ายเพื่อซื้อเครื่องประดับลง แต่หากผู้ผลิตส่งออกไทย สามารถปรับรูปแบบการผลิตและรู้เท่าทันพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไทยก็จะสามารถยังคง รักษาส่วนแบ่งสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในสหรัฐฯ ได้ โดยสินค้าที่มีโอกาส ก็คือ สินค้าที่มีราคาถูกลง แต่คุณภาพต้องใกล้เคียงของเดิม เช่น เครื่องประดับที่มีปริมาณเนื้อโลหะมีค่าต่ำลงจาก 14 กะรัต เหลือเพียง 10 กะรัต สินค้าที่ตัวเรือนทำด้วยโลหะสีขาวจะเปลี่ยนจากแพลตินั่ม ทองขาวไปสู่เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับผู้ชายจากแพลตินัม เงินและทองขาว ไปสู่ สแตนเลส ไททาเนียม และทังสเตน สินค้าที่อิงกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมจะมาแรง หากสามารถโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ว่า สินค้าที่ผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือ Green Jewelry ก็จะมีโอกาสขายได้สูง สินค้าที่มีจุดขายเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมซึ่งหากสามารถแจกแจงแหล่งที่มาของวัตถุดิบและกระบวนการผลิตได้ทุขั้นตอนโดยผู้บริโภคสามารถสืบค้นหาแหล่งที่มาของการผลิตเครื่องประดับที่ซื้อได้ ก็จะทำให้โอกาสขายได้สูงขึ้น

ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2551 ไทยมีสินค้าที่มีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐตั้งแต่ 50% ขึ้นไป แต่มูลค่านำเข้ารวมไปสหรัฐจากทั่วโลกต่ำกว่ามูลค่าขั้นต่ำ(De Minimis Value) ซึ่งปี2551 สหรัฐกำหนดไว้ที่ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวน 6 รายการ ได้แก่ ดอกกล้วยไม้สด ส่วนแบ่งตลาด 51.9% ทุเรียนสด ส่วนแบ่งตลาด 100% มะละกอตากแห้ง ส่วนแบ่งตลาด 86.93% มะขามตากแห้งส่วนแบ่งตลาด 71.49% มะละกอแปรรูป ส่วนแบ่งตลาด 68.18% และทองแดงบริสุทธิ์ ส่วนแบ่งตลาด 49.17% โดยกรมการค้าต่างประเทศจะยื่นคำร้องขอผ่อนผันไม่ให้ระงับสิทธิพิเศษ กรณี De Minimis Waiver ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี) ให้สินค้าทั้ง 6 รายการประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2552 นอกจากนี้ในช่วงดังกล่าว สหรัฐให้สิทธิจีเอสพี แก่สินค้าไทย 3,400 รายการ โดยไทยใช้สิทธิจีเอสพี ส่งออกไปสหรัฐมูลค่า 2,690.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 87% ของมูลค่าส่งออกของสินค้าที่ได้สิทธิจีเอสพี ประกอบด้วยสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรบางรายการ โดยสินค้าที่ได้รับสิทธิจีเอสพี จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสหรัฐ เป็นการเพิ่มโอกาสของสินค้าไทยให้แข่งขันในตลาดสหรัฐได้

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ