นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือน ธ.ค.มีมูลค่า 11,604.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 14.6% โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 11,254.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.5% โดยในเดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 350.1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการส่งออกทั้งปี 51 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 177,841.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.6% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่ารวม 178,653.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.6% ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าทั้งปี รวม 811.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
“ถึงแม้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้เพียง 15.6% แต่ยังสูงกว่าเป้าที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ตอนต้นปี ที่ 12.5% ซึ่งสัญญาณการส่งออกที่หดตัวเริ่มชัดเจนขึ้นจากตัวเลขการส่งออกเดือน พ.ย. จากเดิมที่คาดว่าการส่งออกทั้งปีน่าจะปรับขึ้นเป็น 18% ได้ แต่หลังจากกรมศุลกากรได้แก้ไขตัวเลขการส่งออกใหม่ ทำให้การส่งออกเดือน พ.ย. เดิมติดลบ 18.59% เพิ่มเป็นติดลบ 20.47% และกระทบทำให้การส่งออกทั้งปีเหลือเพียง 15.6% เท่านั้น” นายศิริพล กล่าว
ทั้งนี้ สำหรับการผลักดันการส่งออกปีนี้ กระทรวงพาณิชย์จะพยายามผลักดันให้การส่งออกเป็นบวกให้ได้มากที่สุด แม้เอกชนจะประเมินให้ส่งออกครึ่งปีแรกติดลบก็ตาม แต่คาดว่าการส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลัง หากมีการเสริมงบประมาณกระตุ้นการส่งออกเพิ่มเติม จากเดิมที่ได้เพียง 1,000 ล้านบาท
ด้าน นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า การส่งออกเดือน ธ.ค. ลดลงตามความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยนของหลายประเทศที่ผันผวน ทำให้เริ่มชะลอคำสั่งซื้อ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ส่งออกลดลง 16.1% เช่น ข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ส่วนน้ำตาลทราย กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ไก่แช่แข็งและแปรรูป ยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมยังส่งออกลดลง 13.9% โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ส่งออกลดลงมากกว่า 20% ส่วนสินค้าที่ส่งออกลดลง 10-20% เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกม และของเล่น
ขณะที่ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. ติดลบ และจากการหารือร่วมกับภาคเอกชนที่เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถึงการหามาตรการรับมือและเสริมการดูแลการส่งออก เบื้องต้นนายกฯ ก็รับทราบถึงปัญหา โดยอาจมีมาตรการกระตุ้นการส่งออกระยะสั้น ส่วนงบที่เคยขออนุมัติ 3,000 ล้านบาทนั้น คงต้องปรับแผนเพื่อจะของบประมาณให้กระตุ้นได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ โดยจะมีการประชุมเพื่อปรับแผนงบประมาณใหม่อีกครั้ง
ที่มา: http://www.depthai.go.th