ชี้ช่องทำธุรกิจแฟรนไชส์ไทยบุกแดนอาหรับ เอกชนต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา — จัดทำเว็บไซต์ เชียร์หนุนอบต.นำเสนอโอทอปผ่านออนไลน์ ตั้งกลุ่มธุรกิจย่อยทะลวงตลาด กรมส่งออกฯจัดคณะผู้แทนการค้าลุยเมืองดูไบ ดีเดย์มีนาคมนี้
ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญตลาดตะวันออกกลาง เปิดเผยในระหว่างการสัมมนา “เตรียมความพร้อมธุรกิจแฟรนไชส์ก่อนบุกตลาดตะวันออกกลาง”ว่า การทำธุรกิจในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวต้องเจาะประชิดตัวและเข้าถึงใจลูกค้าให้ตรงจุด จึงเห็นว่าผู้ประกอบการควรทำเว็บไซต์ และส่งเสริมให้องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ทั่วประเทศนำเสนอสินค้าบริการในท้องถิ่น(โอทอป)เป็นภาษาอารบิค รวมถึงควรให้ผู้ประกอบการไทยรวมกลุ่มเล็กๆ จ้างผู้เชี่ยวชาญภาษาไว้สื่อสารและประสานงานดูแลตลาดในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้สินค้าควรมีฉลากที่ผู้บริโภคอ่านแล้วเข้าใจง่าย จึงจะสามารถเจาะตลาดที่มีกำลังซื้อสูงในกลุ่มตลาดตะวันออกกลางนี้ได้
สำหรับประเทศที่น่าเข้าไปทำตลาดได้แก่ ซูดาน แอลจีเรีย อิหร่าน เป็นต้น แต่ไม่ควรเข้าไปทำตลาดในเมืองหลวงหรือ เมืองขนาดใหญ่ เพราะมีการแข่งขันสูง โดยควรเข้าทำตลาดในเมืองขนาดรองที่มีจำนวนประชากรจำนวนมากเช่นกัน ทั้งนี้การเข้าตลาดควรขอรับความช่วยเหลือจากหอการค้า หรือ สมาคม ที่สมาชิกจะได้รับการตรวจสอบในระดับหนึ่งแล้ว
“ การเจาะตลาดตะวันออกกลาง นอกจากจะต้องรู้ข้อมูลทั่วไปด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมแล้ว ยังต้องรู้ถึงขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรมทางศาสนาด้วย เพราะทำให้รู้ถึงพฤติกรรมผู้บริโภคในท้องถิ่น ก่อนตัดสินใจนำสินค้าบริการเข้าทำตลาดได้อย่างถูกช่องทาง โดยต้องทำธุรกิจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจจริงใจด้วย”ร.ต.อ.นิติภูมิ กล่าว
นางทัศนีย์ สุทธภักติ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตลาด กรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ในปัจจุบันของไทยมีทั้งสิ้น 508 กิจการ เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ของไทย 255 กิจการ ( มีประมาณ 25,000 สาขา) ขณะที่ธุรกิจแฟรนไชน์จากต่างประเทศ 253 กิจการ รวมทั้งไทยและต่างประเทศมีมูลค่าตลาดรวม 72,000 ล้านบาท
ในปี 2551 กรมส่งเสริมการส่งออกได้ผลักดันธุรกิจแฟรนไชส์ไทยให้สามารถขายไปต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง มีมูลค่าส่งออกประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจร้านอาหาร รองลงมาจะเป็นธุรกิจความงามและสปา เฟอร์นิเจอร์ การศึกษาและคาร์แคร์
ส่วนโครงการในปี 2552 จะจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนต่างประเทศและเข้าร่วมงานแฟรนไชส์ในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวมถึงมีการจัดสัมมนา เสริมทักษะความรู้แก่ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องทั้งปี โครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเน้นบริหารที่มีแบรนด์และมีศักยภาพ โดยส่งเสริมให้เข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐ ยุโรป
“วันที่ 2 - 6 มีนาคมนี้ กรมฯจะจัดคณะผู้แทนการค้าแฟรนไชส์ไทยไปเมืองดูไบ เพื่อขยายตลาดไปยังสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ที่เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าบริการในตะวันออกกลางที่สำคัญและเป็นประเทศที่เปิดกว้าง โดยธุรกิจร้านอาหาร สปาและความงาม อู่ซ่อมรถยนต์และดูแลรถยนต์มีศักยภาพดี” นางทัศนีย์ กล่าว
ที่มา: http://www.depthai.go.th