สรุปภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย - อินเดีย ปี 2551 (ม.ค.-ธ.ค.) สรุปจากสถิติ Menucom กรมส่งเสริมการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 26, 2009 12:14 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ข้อมูลทั่วไป:
เมืองหลวง           :  New Delhi
พื้นที่                :  3,287,263 ตารางกิโลเมตร
ภาษาราชการ         :  Tamil and hindi
ประชากร            :  1.13 พันล้านคน (mid-2007)
อัตราแลกเปลี่ยน       :  INR 0.666 : BAHT1 (12/02/52)

(1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ

ปี 2008 ปี 2009

Real GDP growth (%)                               5.3        5.0
Consumer price inflation (av; %)                  8.2        5.4
Budget balance (% of GDP)                        -6.0       -6.1
Current-account balance (% of GDP)               -3.6       -3.9
Commercial banks' prime rate (year-end; %)       12.7       10.5
Exchange rate ฅ:US$ (av)                         43.5       47.8

โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับอินเดีย
                                   มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น                   3,401.43          100.00         27.73
สินค้าเกษตรกรรม                       161.21            4.74         13.45
สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร               117.25            3.45         57.90
สินค้าอุตสาหกรรม                     2,873.51           84.48         22.25
สินค้าแร่และเชื้อเพลิง                    249.47            7.33        229.97
สินค้าอื่นๆ                               0.00            0.00       -100.00

โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับอินเดีย
                                         มูลค่า :        สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นำเข้าทั้งสิ้น                               2,618.25        100.00        26.72
สินค้าเชื้อเพลิง                               103.95          3.97       -58.59
สินค้าทุน                                    200.99          7.68        25.50
สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป                   1,847.89         70.58        42.79
สินค้าบริโภค                                 387.29         14.79        39.60
สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง                   77.30          2.95        51.50
สินค้าอื่นๆ                                     0.84          0.03       -97.42

1. มูลค่าการค้า
มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - อินเดีย
                            2550           2551          D/%

(ม.ค.-ธค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการค้ารวม             4,729.02        6,019.69      27.29
การนำเข้า                 2,066.11        2,618.25      26.72
การส่งออก                 2,662.91        3,401.43      27.73
ดุลการค้า                    596.80          783.18      31.23

2. การนำเข้า
ประเทศไทยนำเข้าจากตลาดอินเดีย เป็นอันดับที่ 18 มูลค่า ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.72 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                    มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                    2,618.25         100.00          26.72
1. เครื่องเพชรพลอย                     413.36          15.79           2.01
2. สินแร่โลหะอื่น ๆ                      367.01          14.02          25.06
3. พืช และผลิตภัณฑ์จากพืช                 325.98          12.45         135.65
4. เคมีภัณฑ์                            257.97           9.85          28.69
5. เหล็ก เหล็กกล้า                      224.03           8.56         206.78
            อื่น ๆ                     94.53            3.61           7.64

3. การส่งออก
ประเทศไทยส่งออกไปตลาดอินเดีย เป็นอันดับที่ 14 มูลค่า  3,401.43 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.73 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                          มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                          3,401.43         100.00         27.73
1. เม็ดพลาสติก                               327.88           9.64         17.90
2. เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์                   316.47           9.30        -14.56
3. รถยนต์ อุปกรณ์                             186.17           5.47         28.31
4. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์                    180.53           5.31         61.59
5. อัญมณีและเครื่องประดับ                       155.36           4.57         35.77
               อื่น ๆ                        599.18          17.62         21.48

4. ข้อสังเกต
4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอินเดีย ปี 2551 (มค.- ธค.) ได้แก่

เม็ดพลาสติก : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 5 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2549 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-28.17%) ในขณะที่ปี 2548 2550 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 188.50 91.79 และ 17.90 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 7 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่า ปี 2551 เป็นเพียงปีเดียวที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (-14.56%) ในขณะที่ปี 2548-2550 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.07 24.53 และ 185.32 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 19 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 31.29 51.4 8.69 และ 28.31 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 15 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 23.11 5.97 120.78 และ 51.33 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

อัญมณีและเครื่องประดับ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 13 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2547 - 2551 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 23.22 29.33 78.15 และ 65.77 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอินเดีย ปี 2551 (มค.-ธค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราเพิ่มสูงโดยสูงกว่า
ร้อยละ 40 มีรวม 11 รายการ คือ
   อันดับที่ / รายการ                         มูลค่า         อัตราการขยายตัว     หมายเหตุ
                                      ล้านเหรียญสหรัฐ           %
4. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์                  180.53            61.59
6. อัญมณี และเครื่องประดับ                    155.36            65.77
8. น้ำมันสำเร็จรูป                           131.70         1,698.80
10. ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม                        131.32            45.62
12. แผงวงจรไฟฟ้า                          113.00           290.58
14. เครื่องสำอาง  สบู่ และผลิตภัณฑ์              91.49           140.14
15.ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์                 82.70           169.19
17. สายไฟฟ้า สายเคเบิล                      53.35           127.46
19. ผลิตภัณฑ์ยาง                             48.42            60.64
23. เครื่องใช้ไฟฟ้า                           34.11            44.55
24. ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง                           32.07            44.94

4.3  ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอินเดีย ปี 2551 (ม.ค.-ธค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 3 รายการ คือ
  อันดับที่ / รายการ                       มูลค่า         อัตราการขยายตัว
                                   ล้านเหรียญสหรัฐ          %
2.  เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์             316.47          -14.56
13. เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์                   93.73          -39.17
25.3.4.10 เครื่องทำสำเนา                 28.30          -27.27

4.4  ข้อมูลเพิ่มเติม

รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นับแต่ไทยเริ่มใช้ข้อตกลงการค้าเสรีไทยกับอินเดียในปีที่ผ่านมา โดยมีสินค้ากลุ่มแรก 82 รายการ ทำให้การค้าระหว่างสองประเทศขยายตัวจากปีละประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงนี้กว่า 80% สูงกว่าข้อตกลงอื่นๆ และปีนี้คาดว่าการค้า จะมีมูลค่า 7-8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หากกรอบการค้าเสรีอาเซียน-อินเดียที่อยู่ระหว่างเจรจามีผลบังคับใช้ร่วมด้วย จะมีสินค้าอยู่ในรายการที่ต้องลดภาษีกว่า 5 พันรายการ คาดว่าจะส่งผลให้ยอดการค้าไทย-อินเดียขยับถึงปีละหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดอินเดียยังมีศักยภาพสูงแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียปีนี้จะขยายตัว 7.6% ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งขยายตัว 8% แต่ก็ถือว่ายังเติบโตมาก อินเดียมีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย คิดเป็นมูลค่า3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ กำลังซื้อของอินเดียขยายตัวปีละ 11% ประชากรที่มีกำลังซื้อมีมากกว่า 300 ล้านคน ในจำนวนนี้ 7 ล้านคนเป็นกลุ่มคนร่ำรวย จำนวน 180 ล้านคนเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง และกำลังซื้อกลุ่มข้าราชการมี 200 ล้านคน อินเดียจึงเป็นตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา การค้าไทย-อินเดียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 4,725.66 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกของไทยเฉลี่ย 2,624.81 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าเฉลี่ย ปีละ 2,100.75 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2551 มูลค่าการค้า 6,019.69 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 27.3 % เป็นการส่งออก 3,401.43 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าหลักคือเม็ดพลาสติก เหล็ก รถยนต์และอุปกรณ์ส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ และ อัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่มูลค่าการนำเข้า 2,618.25 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าหลักคือ อัญมณี สินแร่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เคมีภัณฑ์ เหล็ก แต่ไทยยังได้เปรียบดุลการค้า 783.18 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียแล้ว ไทยยังมีส่วนแบ่งการตลาดน้อยกว่า

ปัจจุบันแม้อินเดียจะเข้าสู่ยุค IT แล้ว แต่ผู้หญิงอินเดียที่ทำงานบริษัทยังนิยมใส่ชุดส่าหรี และที่ขาดไม่ได้คือ รองเท้าแตะที่เข้าชุดกับส่าหรี ขณะที่ผู้รับประทานอาหารมังสะวิรัติที่มีประมาณ 50% ของประชากรอินเดีย ไม่นิยมใช้สินค้าที่มีส่วนประกอบของหนังแท้ ทำให้รองเท้าแตะของไทยได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะไม่ใช้หนังแท้เป็นส่วนประกอบ นอกจากนี้ นักการเมืองของอินเดีย ยังไม่นิยมสวมสูทใส่เสื้อนอก แต่นิยมชุดประจำชาติ คือ เสื้อขาว โจงกระเบนขาว และมักสวมรองเท้าแตะสีขาวที่ถือเป็นสีสุภาพ เหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งน่าจะมาจากได้แบบอย่างมาจากมหาตมะคานธี มหาบุรุษของอินเดียที่สวมชุดประจำชาติเสมอ "ตลาดรองเท้าแตะอินเดียใหญ่มาก เพราะประชากร 1,100 ล้านคน มักสวมรองเท้าแตะในชีวิตประจำวัน ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียที่มาเมืองไทยมักซื้อรองเท้าแตะของไทยไปฝากเครือญาติ ทำให้รองเท้าแตะไทยเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในกลุ่มชาวอินเดีย เห็นได้จากงานแสดงสินค้า Thailand Exhibition ที่จัดเป็นประจำทุกปีในอินเดีย ที่สินค้ารองเท้าแตะไทยมักจำหน่ายหมดก่อนวันสุดท้ายทุกปี จึงถือว่าตลาดรองเท้าแตะของไทยในอินเดียน่าสนใจและมีอนาคตอย่างยิ่ง

แม้เศรษฐกิจปีที่ผ่านมาจะชะลอตัว แต่ผู้ส่งออกเซรามิกเพื่อการตกแต่งบ้านไปยังอินเดีย กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในอินเดียยังขยายตัว 9.4% ปีนี้ตั้งเป้าว่าจะขยายตัวต่อไปเป็น 10% เนื่องจากกำลังซื้อและความต้องการในกลุ่มผู้บริโภคระดับบนยังมีมากพอ และกำลังซื้อยังค่อนข้างดี

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียได้ตัดสินใจห้ามนำเข้าของเล่นจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากที่สมาคมสวัสดิภาพผู้บริโภค ได้ยื่นฟ้องให้ดำเนินคดีต่อสินค้าของเล่นจากประเทศจีน โดยสมาคมอ้างว่าของเล่นจากประเทศจีนได้สร้างความไม่ปลอดภัยให้กับผู้บริโภค เพราะมีส่วนประกอบของสารตะกั่ว และ สารเคมีซึ่งมีแนวโน้มเป็นอันตรายประเภทอื่นในระดับสูง โดยกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียกำลังจัดทำมาตรฐานความปลอดภัยที่จะนำมาใช้ควบคุมสินค้าที่ผลิตในประเทศและที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่ในปัจจุบันสมาคมได้ใช้เหตุผลด้านความปลอดภัยในการฟ้องร้องและนำมาซึ่งการสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมของเล่นในประเทศอินเดียเติบโตขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในปัจจุบันสินค้าจากประเทศจีนเข้ามามีสัดส่วนในตลาดอินเดียกว่า 60% หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ของบริษัทสแตนดาร์ด แอนด์พัวร์ส จำกัด (เอสแอนด์พี) กล่าวว่า "ในกรณีของสินค้าของเล่นนั้นมีผลประโยชน์หลายซับหลายซ้อนซ่อนอยู่ เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมของเล่นในประเทศอินเดียไม่สามารถแข่งขันได้กับของเล่นจากประเทศจีน และโดนกดดันมาโดยตลอด

การผ่อนปรนข้อกำหนดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อรถยนต์ในอินเดีย หลังดอกเบี้ยลดลงกว่า 20% ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ของซูซูกิทะยานเป็นประวัติการณ์ในอินเดีย และอาจช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ในตลาดอินเดียได้เป็นอย่างดี ซึ่งยอดขายรถในอินเดียจะดีดตัวขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุดอย่างในเดือนพ.ย.และ ธ.ค.คงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วการลดดอกเบี้ยช่วยให้ธนาคารมีความมั่นใจมากขึ้นว่าผู้กู้มีศักยภาพพอที่จะใช้หนี้คืนได้" โดยยอดขายรถยนต์ซูซูกิที่ทะยานอย่างแข็งแกร่งในอินเดียตรงข้ามกับยอดขายในญี่ปุ่นและสหรัฐที่ร่วงลงอย่างหนัก โดยภาวะเศรษฐกิจถดถอยฉุดยอดขายยานยนต์ทั้งอุตสาหกรรมร่วงหนักสุดในรอบ 28 ปีในเดือนม.ค.

หลังจากที่ประเทศไทยประสบภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยมาเป็นเวลาหลายปี ประกอบกับการที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ลุกลามกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปเรียบร้อยแล้ว ไทยก็ได้มีความพยายามในการฟื้นฟูการค้าการลงทุนเพื่อการส่งออกกับประเทศต่าง ๆ มากมายผ่านการเจรจา FTA ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการตั้งความหวังไว้ที่ JTEPA หรือข้อตกลงไทย — ญี่ปุ่น เป็นอย่างมาก ทว่ากลับมีอัตราการเติบโตของการส่งออกเพียงแค่ร้อยละ 26 ในขณะที่การส่งออกสินค้าไปยังอินเดียภายใต้กรอบข้อตกลงเอฟทีเอนั้น กลับเป็นไปในทิศทางตรงข้ามคืออยู่ที่ร้อยละ 90.5 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าข้อตกลงอื่น ๆ ตลาดอินเดียนั้นเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง มีประชากรมาก และมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่ แต่มีตลาดส่งออกที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้มีช่องว่างสำหรับไทยที่จะส่งออกสินค้ามาขายยังตลาดอินเดีย ซึ่งในเบื้องต้นมีการเปิดเสรีการค้ากับอินเดียในเบื้องต้นไปแล้ว 82 รายการ

ส่วนในกรอบการเจรจาเอฟทีเอ อาเซียน-อินเดีย นั้นมีความตกลงทั้งในแง่การค้าสินค้าซึ่งมีการนำเข้าและส่งออกระหว่างอาเซียนและอินเดีย และการค้าบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าบริการของไทยกับอินเดียภายใต้กรอบข้อตกลงอาเซียน-อินเดียที่กำลังน่าจับตาก็คือ การก่อสร้าง โรงภาพยนตร์ และสปา รวมทั้งโรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคารอาหารไทย และห้างค้าปลีก ซึ่งมีผลมาจากการที่อินเดียจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Commonwealth Games 2010 จึงต้องเร่งระดมก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทย ที่จะเข้าไปขยายธุรกิจบริการก่อสร้าง โดยทูตอินเดียประจำอาเซียน ก็ได้แสดงความเห็นว่า นักธุรกิจอินเดีย-ไทย ควรขยายการค้าเกี่ยวกับชิ้นส่วนรถยนต์ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ และสินค้าประเทศอื่น ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนักลงทุน โดยที่รัฐบาลให้ความสนับสนุนและส่งเสริมให้การค้าเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ