เทศกาลแต่งงานอินเดีย ทำธุรกิจคึกคัก ชี้เศรษฐกิจอินเดียเริ่มมีสัญญาณดี หลังรัฐบาลอัดฉีดเงินกว่า 8.5 แสนล้าน ทั้งอุตฯเหล็ก ซีเมนต์ เล็งเลือกตั้งเงินสะพัดแสนล้าน โดยเฉพาะน้ำอัดลม รถออฟโรด ไทยชิงความได้เปรียบจัดงานแฟร์ 4 หัวเมืองสำคัญ ปีนี้ตั้งเป้าส่งออกแดนภารตะโต 10% เกินดุลการค้าตลอด 2 เดือนแรก
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจนไน ประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า เทศกาลแต่งงานของอินเดียในช่วงครึ่งปีแรก ถือเป็นวัฒนธรรมของอินเดียในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ที่ต้องซื้อสินค้าคงทนและใหม่ทั้งหมด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ยอดขายสินค้าคงทนขยายตัว ปัจจุบัน เริ่มมีสัญญาที่ดีในหลายสาขา โดยเฉพาะในสาขาสินค้าคงทนนับเป็นโอกาสดีของสินค้าไทยที่มีความหลากหลายเข้าทำตลาดอินเดีย
ทั้งนี้ผลการสำรวจตลาดกรณีของบริษัท แอลจี มียอดการขายเพิ่มขึ้น 29% ในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 โดยเป็นยอดขายในโทรทัศน์แอลซีดีขยายตัวถึง 153% และคาดว่ายอดขายสินค้าคงทนในปี 2552 จะขยายตัวถึง 28% ขณะที่ซัมซุงแถลงว่าในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ 2552 มียอดขายเพิ่มขึ้น 30% ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการลดภาษีสรรพสามิตลง 4% ทำให้บริษัทต่างๆ หันมาแข่งกันตัดราคาลงเป็นอย่างมาก
ในปี 51 ยอดขายของสินค้าคงทนมีการเติบโต 11% ในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนมีการเติบโต 14 % โดยเป็นซีทีวี เติบโต 12% แอลซีดีเติบโต 150 % และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ 10%
ในปี 2552 กรรมาธิการเศรษฐกิจอินเดียคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ(จีดีพี) จะอยู่ที่ประมาณ 6.5% โดยมีสัญญานหลายอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอินเดียภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้ อันเป็นผลจากการอัดฉีดเงินของรัฐบาลสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 8.5 แสนล้านรูปีผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การลดภาษีสรรพสามิตทุกประเภทลง 4% การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อการซื้อบ้าน และรัฐบาลแบกรับภาระดอกเบี้ย 2% ในเงินกู้ของภาคธุรกิจส่งออก เป็นต้น พร้อมทั้งมาตรการปกป้องตลาด เช่น ขึ้นภาษีนำเข้าและจำกัดปริมาณนำเข้าในสินค้าเหล็ก และขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันปาล์ม 20% เป็นต้น
อุตสาหกรรมเหล็กมีการเติบโตของการผลิตดีขึ้นในเดือน ก.พ. 52 คิดเป็น 3.6% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 51 ที่มีการขยายตัว 2.3% และในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4 เดือนที่ผ่านมาอุตสาหกรรมซีเมนต์ในเดือน ก.พ. 52มีการขยายตัว คิดเป็น 8.3% แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้าพบว่า มีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งกล่าวโดยรวมแล้วสาขาธุรกิจต่างๆ เริ่มมีสัญญานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
นอกจากนั้น ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ นั้นคือ การเลือกตั้งโลกสภา (สภาผู้แทนราษฎร) ที่กำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 100,000 ล้านรูปี โดยธุรกิจที่ได้ประโยชน์โดยตรง ได้แก่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มอัลกอฮอล์ สิ่งตีพิมพ์ สื่อสารมวลชน บริษัทให้เช่าเฮลิคอปเตอร์ ยานยนต์ และการขนส่งทุกประเภท ประมาณกันว่าจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์กว่า 75 ลำในช่วงเลือกตั้งซึ่งจำเป็นมากในการเดินทางหาเสียงสำหรับประเทศที่ใหญ่มากอย่างอินเดีย เป็นที่คาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถทำเงินได้กว่า 10,000 ล้านรูปีในช่วงเพียง 45 วันทั้งนี้ยังไม่รวมนายทุนพรรคบางคนที่อาจสนับสนุนนักการเมืองด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของบริษัท
สำหรับธุรกิจน้ำอัดลมก็คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 15% ในช่วงเลือกตั้ง การจำหน่ายจ่ายแจกเครื่องดื่มอัลกอฮอล์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งในอินเดียยังสามารถทำได้ โดยในช่วง 3-4 วันก่อนเลือกตั้งจะมียอดการจำหน่ายสูงสุด
รถประเภทออฟโรด(off-road) เป็นเครื่องมือหาเสียงที่จำเป็นมากสำหรับการหาเสียงในท้องถิ่นชนบทที่ห่างไกลและล้าหลังของอินเดียก็คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ธุรกิจรถเช่าและรถแท๊กซีก็คาดว่าจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับสื่อโฆษณาต่างๆ คาดว่าจะมีรายได้กว่า 4,000 ล้านรูปี นอกจากนั้น การเลือกตั้งแต่ละครั้งรัฐบาลจะต้องใช้เงินกว่า 12,000 ล้านรูปีเพื่อจัดการเลือกตั้ง ผู้แทนแต่ละคนกฏหมายกำหนดให้ใช้เงินหาเสียงไม่เกิน 2.5 ล้านรูปี (ซึ่งในความเป็นจริงสูงกว่านั้นหลายเท่า โดยปกติหากมีมีผู้ลงหาเสียง 4 คนในเขตเลือกตั้งเดียวกันจะต้องใช้เงินรวมกันกว่า 30,000 ล้านรูปี)
กรมส่งเสริมการส่งออกตั้งเป้าหมายการส่งออกไปอินเดียขยายตัวที่ 10% โดยแนวทางการผลักดันการส่งออกที่สำคัญคือ การเชิญชวนผู้นำเข้าอินเดียร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย นอกจากนี้มีแผนจะจัดงานแสดงสินค้าไทยในอินเดียจำนวน 4 ครั้ง ใน 4 เมืองหลัก ประกอบด้วยบังกะลอร์ เจนไน มุมไบ และกรุงนิวเดลี ขณะเดียวกันจะนำคณะผู้ประกอบการของไทยร่วมงานแสดงสินค้าที่อินเดียจัดขึ้น เช่น งานเวิลด์ ออฟ ฟู้ด อินเดีย ที่เมืองมุมไบ การจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางเยือน และการจัดโปรโมตสินค้าไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าดังๆ ในอินเดีย เป็นต้น
ในปี 2552 ไทยตั้งเป้าหมายการส่งออกสินค้าไปอินเดียมูลค่าประมาณ 9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลการค้า ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 ไทยส่งออกไปอินเดีย 12,567 ล้านบาท นำเข้า 8,200 ล้านบาท ไทยเกินดุลการค้า 4,367 ล้านบาท สินค้าที่ไทยส่งออกไปอินเดีย 5 อันดับแรก ประกอบด้วย พลาสติก เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับและเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากอินเดีย 5 อันดับแรก ประกอบด้วย เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ, พืชและผลิตภัณฑ์ของพืช เครื่องใช้ไฟฟ้าน้าน เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม
ที่มา: http://www.depthai.go.th