จากกรณีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 ในเม็กซิโก ซึ่งเป็นไวรัสที่ผสมผสานระหว่างไวรัสไข้หวัดนกกับไวรัสที่เป็นสาเหตุไข้หวัดใหญ่ในคน และสามารถแพร่จากคนสู่คนได้โดยตรงอย่างรวดเร็ว และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน เวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงได้เตรียมมาตรการรับมือกับโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่โดยทันที มาตรการที่สำคัญ คือ
- หน่วยงานสาธารณสุขได้เข้าประจำการที่ท่าอากาศยานนครโฮจิมินห์เป็นแห่งแรก โดยติดตั้งเครื่องสแกนเนอร์ตรวจจับอุณภูมิในร่างกายซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสิงคโปร์ สามารถตรวจจับอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 30 องศาเซลเซียสขึ้นไป เพื่อวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในประเทศ โดยพุ่งเป้าไปยังเที่ยวบินที่ผ่านเม็กซิโก สหรัฐฯ และแคนาดา
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรายงานประจำทุกวันเกี่ยวกับผลการตรวจตามท่าอากาศยานและท่าเรือต่าง ๆ รวมทั้งให้โรงพยาบาลแห่งต่าง ๆ ต้องรายงานทันทีที่พบผู้ป่วยกรณีที่ต้องสงสัยว่ามีอาการเป็นไข้หวัดใหญ่หรือหลอดลมอักเสบอย่างรุนแรง
- หน่วยงานควบคุมและกักกันตามด่านชายแดนต่าง ๆ ต้องทำการกักกันทันทีกรณีที่ต้องสงสัย
- ควบคุมการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศที่เกิดโรคระบาด
กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามประกาศว่าขณะนี้ยังไม่พบการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ H1N1 ในเวียดนาม แต่ยอมรับว่าเวียดนามมีอัตราเสี่ยงสูงมากเพราะในช่วงกลางเดือนเมษายนปีนี้มีผู้เดินทางจากดินแดนที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดเข้าประเทศจำนวนมาก
ผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังเวียดนาม อาจกล่าวได้ว่าการระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ H1N1 ไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังเวียดนามเพราะไทยไม่ได้เป็นดินแดนที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและเวียดนามก็ไม่ได้เป็นตลาดส่งออกเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อหมูของไทย การนำเข้าหมูของเวียดนามจากไทย เกือบทั้งหมดจะเป็นการนำเข้าหมูสำหรับทำพันธุ์
แต่ในระยะยาวหากยังไม่สามารถสกัดกั้นโรคระบาดนี้ได้ จะทำให้ความหวาดวิตกของประชาชนทั่วไปแพร่กระจายออกไปมากขึ้นและมีผลกระทบต่อบริษัทไทยที่เข้าไปตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์ในเวียดนาม ( บริษัท ซี.พี และเบทราโก ) เพราะจะมีผู้เลี้ยงหมูลดลง
ปัจจุบันเนื้อหมูในเวียดนามมีราคาลดลง เพราะประชาชนหันไปบริโภคเนื้อปลาและอาหารทะเลแทน จนทำให้กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามต้องออกมายืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคแน่นอนหากเนื้อหมูที่นำมาบริโภคนั้นผ่านการปรุงให้สุกแล้ว ดังนั้นในระยะสั้นสินค้าไทยที่น่าจะมีโอกาสในการส่งออกเพิ่มขึ้น คือสินค้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และอาหารทะเล แต่มีข้อจำกัด คืออาจต้องแข่งขันด้านราคากับสินค้าไก่สดและอาหารทะเลของเวียดนาม และต้องเผชิญกับกฏระเบียบด้านการนำเข้าฉบับใหม่ของเวียดนามที่เข้มงวดมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกและไข้หวัดหมู ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 เป็นต้นไป
สคต.นครโฮจิมินห์
ที่มา: http://www.depthai.go.th