มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 228.47 100.00 2,116.32 สินค้าเกษตรกรรม 0.04 0.02 -97.78 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 3.74 1.64 695.08 สินค้าอุตสาหกรรม 224.69 98.34 2,764.64 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 0.0 0.0 -99.83 สินค้าอื่นๆ 0.0 0.0 โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับมาดากัสการ์ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นำเข้าทั้งสิ้น 0.60 100.00 46.96 สินค้าทุน 0.01 2.15 621.86 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 0.56 92.77 40.63 สินค้าบริโภค 0.03 5.08 184.83 สินค้าอื่นๆ 0.0 0.0 -100.00 1. มูลค่าการค้า มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - มาดากัสการ์ 2551 2552 D/%
(ม.ค.-มีค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการค้ารวม 10.72 229.08 2,037.80 การส่งออก 10.31 228.47 2,116.20 การนำเข้า 0.41 0.60 46.96 ดุลการค้า 9.90 227.87 2,202.20 2. การนำเข้า มาดากัสการ์เป็นตลาดนำเข้าอันดับที่ 117 มีมูลค่า 0.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.96 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการนำเข้ารวม 0.60 100.00 46.96 1. สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง ฯ 0.51 84.11 66.36 2. เครื่องเพชรพลอย อัญมณี 0.05 7.86 -48.96 3. เสื้อผ้าสำเร็จรูป 0.03 4.91 345.46 4. ผลิตภัณฑ์โลหะ 0.01 2.15 - 5. แร่และผลิตภัณฑ์จากแร่ 0.0 0.74 - อื่น ๆ 0.0 0.0 -100.16 3. การส่งออก มาดากัสการ์ เป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 28 มีมูลค่า 228.47 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2,116.3 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการส่งออกรวม 228.47 100.00 2,116.30 1. เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 218.23 95.52 100,837 2. น้ำตาลทราย 3.54 1.55 1,460 3. เคหะสิ่งทอ 2.65 1.16 - 4. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนฯ 1.89 0.83 -20.73 5. เสื้อผ้าสำเร็จรูป 0.46 0.20 137.04 อื่น ๆ 0.08 0.04 -89.40 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปมาดากัสการ์ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552 ได้แก่
เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออก ปี 2548- 2552 (มค.-มีค.) พบว่าปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ (-91.18) ในขณะที่ปี 2549 2551 และ 2552 (มค.-มีค.) มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3,139.5 18,235 และ 100.837 ตามลำดับเมื่อ เทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเมื่อ
น้ำตาลทราย : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2550 — 2552 (มค.-มีค.) พบว่า มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด ในอัตรา 645.62 67.02 และ 1,460.5 โดยมีมูลค่าการส่งออก 2.75 4.59 0.23 และ 3.54 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ปี 2548 ยังไม่เคยมีการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังมาดากัสการ์มาก่อน
เคหะสิ่งทอ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออก พบว่า ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552 มีมูลค่าการส่งออก 2.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯในขณะที่ปี2551 ยังไม่เคยมีการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังมาดากัสการ์มาก่อน
รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออก ปี 2548- 2552 พบว่า ปี 2549 และในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552 มีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ(63.43)และ(-20.73)ในขณะที่ปี 2550 และ 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 211.87 และ 15.87 ตามลำดับเมื่อ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เสื้อผ้าสำเร็จรูป : เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออก ปี 2548- 2552 พบว่าปี 2551 เพียงปีเดียวที่มีอัตราขยายตัวลดลง (ร้อยละ -43.19) ในขณะที่ปี 2549 2550 และ 2552 (มค.-มีค.)มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.92 6.21 และ 137.04 ตามลำดับเมื่อ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดมาดากัสการ์ ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552
25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราเพิ่มสูงโดยสูงกว่าร้อยละ 100 มีรวม 8 รายการ คือ
อันดับที่ / รายการ มูลค่าล้าน อัตราการขยายตัว หมายเหตุ เหรียญสหรัฐ % 1.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 218.23 100,837.21 2.น้ำตาลทราย 3.54 1,460.56 5.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 0.46 137.04 9.ยานพาหนะอื่น ๆ และฯ 0.15 4,746.82 16.รถจักรยานยนต์ 0.03 4,184.25 17.อาหารสัตว์เลี้ยง 0.03 183.21 19.เครื่องสำอาง สบู่ และฯ 0.02 283.62 21.อาหารทะเลกระป๋อง ฯ 0.01 16,926.51 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดมาดากัสการ์ ในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2552 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 14 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 4. รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 1.89 -20.73 6. เม็ดพลาสติก 0.38 -23.46 7. ผ้าผืน 0.27 -80.32 8. ผลิตภัณฑ์พลาสติก 0.27 -46.12 10.ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ 0.13 -8.59 11.รองเท้าและชิ้นส่วน 0.06 -64.79 13.กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 0.05 -92.69 14.เคมีภัณฑ์ 0.05 -94.88 15.ข้าว 0.04 -97.76 18.ผลิตภัณฑ์เซรามิก 0.02 -26.61 20.ผักกระป๋องและแปรรูป 0.02 -48.92 23.เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน 0.01 -78.87 24.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 0.01 -89.99 25.ผลิตภัณฑ์ยาง 0.01 -73.13 4.4 ข้อมูลเพิ่มเติม นโยบายเศรษฐกิจมาดากัสการ์รัฐบาลมุ่งประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. Macroeconomic Level เข้มงวดวินัยนโยบายการเงินเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อและดำเนินนโยบายเพิ่มงบประมาณ
2. Microeconomic Level ลดผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ปรับปรุงระบบการเงินการธนาคาร สอดส่องให้มีการแข่งขันสอดคล้องตามกฎหมาย
3. Political Level ให้อำนาจและอิสระแก่หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น กระตุ้นความรับผิดชอบ ความโปร่งใส การมีส่วนร่วม เช่น การแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 22 ภูมิภาค (region)
รัฐบาลรับรู้ปัญหาและเร่งแก้ไขตามมาตรการการเงินการคลังที่เสนอโดย IMF เช่น การคงอัตราเงินเดือน (แม้ค่าครองชีพจะสูงต่อเนื่อง) ลดค่าใช้จ่ายดำเนินงานลง 10% ยกเลิกเงินตราต่างประเทศสกุลเดียวหันไปใช้อัตราอ้างอิงสกุลยูโรและดอลลาร์สหรัฐควบคู่กัน ห้ามการหักโอนบัญชีเงินตราสกุลต่างประเทศทั้งระหว่างผู้มีถิ่นฐานในมาดากัสการ์ด้วยกันเองหรือระหว่างผู้มีถิ่นในมาดากัสการ์กับคนต่างด้าว การที่มาดากัสการ์ประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อเนื่องจากตลาดการเงินและการเสื่อมค่าของสกุล ในทางทฤษฎี การขาดดุลการค้าของมาดากัสการ์จะส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและค่าเงินสกุลอาเรียรีอย่างมาก แต่ในทางปฏิบัติมาดากัสการ์ได้รับการชดเชยผลกระทบจากการได้รับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ และการได้รับการยกเลิกหนี้สินต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ดี การขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่องทำให้รัฐบาลต้องเร่งปรับปรุงนโยบายการเงิน การลดอัตราเงินเฟ้อจะสนับสนุนภาคการผลิตให้เกิดขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสมจะอยู่ที่ร้อยละ 3 จึงจะทำให้นักลงทุนกู้เงินลงทุนจากธนาคารได้ นอกจากนี้ การสร้างและพัฒนาระบบการเงินให้เกิดขึ้น เช่น จัดให้มีตลาดเงินตลาดทุน จะแก้ปัญหาที่แท้จริงที่มาดากัสการ์ประสบอยู่ในขณะนี้ เศรษฐกิจมาดากัสการ์ขาดกฎระเบียบที่สามารถนำมาใช้ได้ในทางความจริง เพราะกฎระเบียบไม่ชัดเจน การแข่งขันจะทำให้ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ ดังนั้น รัฐบาลต้องส่งเสริมภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนและการแข่งขัน แต่ยังมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขได้แก่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารที่อยู่ในระดับสูง และพัฒนาตลาดเงินทุนโดยใช้เงินออมจากภาคครัวเรือน ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยี ลดอุปสรรคด้านสินเชื่อ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาตลาดทั้งในและต่างประเทศวิทยาการล้าสมัยมาดากัสการ์อยู่ระหว่างปรับตัวและก้าวไปให้ทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ ระบบเศรษฐกิจเริ่มนำระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาช่วยงานบ้าง ในขณะที่ภาคการเกษตรยังล้าหลังและขาดเทคโนโลยีทรัพยากรไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์แม้มาดากัสการ์จะอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์หรือสร้างมูลค่าเพิ่ม เนื่องด้วยปัจจัย 4 ประการ คือ
1) ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน การดำเนินการควรต้องทำโดยบริษัทเอกชน โดยให้ชุมชนและท้องถิ่นมีส่วนร่วมหรือได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ จัดให้มีระบบสัมปทานหรือค่าภาคหลวง
2) ขาดตลาดและช่องทางจำหน่าย เป็นผลจากการไม่มีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอ การขาดข้อมูลว่ามีทรัพยากรใดในพื้นที่ใดบ้าง สภาพถนนที่ย่ำแย่เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด อาจแก้ได้โดยการใช้เทคโนโลยีสื่อสารหรือการจัดให้มีระบบการชำระค่าบริการจากการใช้ประโยชน์สาธารณูปโภคต่างๆ
3) ขาดการแข่งขัน การเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการจะช่วยสร้างตลาดวัตถุดิบ ตลาดสินค้า การให้บริการขนส่งและบริการจำหน่ายสินค้า รวมทั้งก่อให้เกิดการพัฒนาตลาด การเงินจะช่วยประหยัดต้นทุนนักลงทุนโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในปี 2552 อาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ คือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วง ขาลง ปัญหาการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ จากการที่แหล่งวัตถุดิบสำคัญอย่างพม่าและมาดากัสการ์มีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากมาตรการทางการค้าทางตรงและทางอ้อมของประเทศคู่ค้าของไทยที่อาจจะเป็นการซ้ำเติมให้การค้าอัญมณีและเครื่องประดับไทยในตลาดโลกเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในปี 2552 อาจจะเติบโตไม่เกินร้อยละ 20 ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เมื่อเทียบกับปี 2550 ทั้งนี้มูลค่าการนำเข้าและส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปอาจจะยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้มูลค่าการนำเข้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับโดยรวมเปลี่ยนแปลง และคาดว่าไทยจะยังคงขาดดุลการค้าในสินค้าประเภทนี้ต่อเนื่องจากปี2551 ขณะที่มูลค่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยโดยไม่นับรวมการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปนั้น คาดว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตชะลอตัวลงจากปี 2551 ที่เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.99 ด้วยการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเลขหลักเดียวในระดับที่ ไม่เกินร้อยละ 10 ในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เพราะมีความเป็นไปได้ว่าสินค้ากลุ่มดังกล่าวจะมีความอ่อนไหวต่อภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดีหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศคู่ค้าของไทยเป็นไปด้วยดี หรือสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้างภายในครึ่งหลังปี 2552 ก็มีความเป็นไปได้ว่าการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยที่ไม่นับรวมการส่งออกทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูปอาจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-15 ดังนั้น การดำเนินกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ด้วยการสร้างความแตกต่างของสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในเรื่องของคุณภาพการออกแบบ ให้มีความหลากหลายและตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย พร้อมกับการนำเสนอสินค้าที่หลากหลายภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อรองรับภาวะที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีงบประมาณอันจำกัด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้เห็นคุณค่าและความมีระดับของผู้ที่ได้สวมใส่ จึงน่าจะเป็นทางรอดสำหรับผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับไทยในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยเช่นปัจจุบัน
ที่มา: http://www.depthai.go.th