สรุปภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย - อินเดีย ปี 2552 (ม.ค.-เม.ย.) สรุปจากสถิติ Menucom กรมส่งเสริมการส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 29, 2009 14:53 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ข้อมูลทั่วไป:
เมืองหลวง          :  New Delhi
พื้นที่               :  3,287,263 ตารางกิโลเมตร
ภาษาราชการ        :  Tamil and hindi
ประชากร           :  1.13 พันล้านคน (mid-2007)
อัตราแลกเปลี่ยน      :  INR 0.667 : BAHT1 (20/05/52)

(1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ

ปี 2551 ปี 2552

Real GDP growth (%)                               5.3        5.0
Consumer price inflation (av; %)                  8.2        5.4
Budget balance (% of GDP)                        -6.0       -6.1
Current-account balance (% of GDP)               -3.6       -3.9
Commercial banks' prime rate (year-end; %)       12.7       10.5
Exchange rate ฅ:US$ (av)                         43.5       47.8

โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับอินเดีย
                                   มูลค่า :         สัดส่วน %     % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น                   857.03          100.00       -11.52
สินค้าเกษตรกรรม                      35.31            4.12        -6.78
สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร              15.23            1.78       -48.02
สินค้าอุตสาหกรรม                     747.58           87.23       -15.73
สินค้าแร่และเชื้อเพลิง                   58.91            6.87       309.25
สินค้าอื่นๆ                              0.0             0.0          0.0

โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับอินเดีย
                                มูลค่า :         สัดส่วน %       % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นำเข้าทั้งสิ้น                       471.44          100.00        -46.57
สินค้าเชื้อเพลิง                       1.51            0.32        -32.17
สินค้าทุน                           57.08           12.11         -9.52
สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป           290.10           61.54        -56.52
สินค้าบริโภค                       100.12           21.24        -18.71
สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ฯ            22.08            4.68        -17.30
สินค้าอื่นๆ                           0.55            0.12             -

1. มูลค่าการค้า
มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - อินเดีย
                           2551           2552        D/%

(ม.ค.-เม.ย) ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการค้ารวม             1,851.03       1,328.47    -28.23
การส่งออก                   968.67         857.03    -11.52
การนำเข้า                   882.36         471.44    -46.57
ดุลการค้า                     86.31         385.59    346.76

2. การนำเข้า
อินเดียเป็นตลาดนำเข้าของไทย  อันดับที่ 20 มูลค่า 471.44  ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 46.5
สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                    มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                    471.44           100.00        -46.50
1. เครื่องเพชรพลอย                    82.81            17.56         82.81
2. พืช และผลิตภัณฑ์จากพืช                51.94            11.02         51.94
3. เคมีภัณฑ์                           49.70            10.54         49.70
4. เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน                 42.81             9.08         42.81
5. เครื่องจักรกลและส่วนฯ                33.71             7.15         33.71
            อื่น ๆ                    21.87             4.64        -52.00

3. การส่งออก
อินเดียเป็นตลาดส่งออกของไทย  อันดับที่ 13 มูลค่า 857.03 ล้านเหรียญสหรัฐลดลงร้อยละ 11.52
สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                        มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการส่งออกรวม                        857.03           100.00         -11.52
1.เม็ดพลาสติก                            108.38            12.65          -8.60
2.เคมีภัณฑ์                                93.36            10.89         177.05
3.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ฯ                 49.73             5.80          -1.87
4.น้ำมันสำเร็จรูป                           47.51             5.54         825.73
5.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ               35.75             4.17         -18.23
              อื่น ๆ                     165.38            19.30          -0.10

4. ข้อสังเกต
4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอินเดีย ปี 2552 (มค.- เม.ย.) ได้แก่

เม็ดพลาสติก : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 3 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่า ปี 2549และ ปี 2552 (มค.-เม.ย.)มีอัตราการขยายตัวลดลง(ร้อยละ -28.17 และ 8.60 ) ในขณะที่ปี 2550 และ2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 91.79 และ 17.90 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เคมีภัณฑ์ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 3 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ138.57 4.57 21.09 และ 177.05 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 14 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 -2552 พบว่า ปี 2552 (มค.-เม.ย.) เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลง(ร้อยละ -1.87%) ในขณะที่ปี 2549 - 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.74 138.90 และ 61.59 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

น้ำมันสำเร็จรูป : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 9 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่าปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการลดลง(ร้อยละ -84.36) ในขณะที่ปี 2549 2551 และ 2552 (มค.-เม.ย.) มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 199.79 1,698.8 และ 825.73 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ : อินเดียเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 7 ของไทยเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่า ปี 2552 (มค.-เม.ย.) เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลง(ร้อยละ -18.23) ในขณะที่ปี 2549 - 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.78 22.99 และ 15.91 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน

4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอินเดีย ปี 2552 (ม.ค.-เม.ย.) 25 รายการแรก

สินค้าที่มีอัตราเพิ่มสูงโดยสูงกว่าร้อยละ 40 มีรวม 4 รายการ คือ

   อันดับที่ / รายการ                     มูลค่า         อัตราการขยายตัว       หมายเหตุ
                                   ล้านเหรียญสหรัฐ          %
2.เคมีภัณฑ์                             93.36            177.05
4.น้ำมันสำเร็จรูป                        47.51            825.73
10.3.4.10 เครื่องทำสำเนา               24.64            198.17
16.สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล                  19.07             55.69

4.3  ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดอินเดีย ปี 2552 (ม.ค.-เม.ย.) 25 รายการแรก
สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 21 รายการ คือ

        อันดับที่ / รายการ                                 มูลค่า           อัตราการขยายตัว
                                                   ล้านเหรียญสหรัฐ             %
1. เม็ดพลาสติก                                          108.38              -8.60
3.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ                     49.73              -1.87
5.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล                  35.75             -18.23
6.อัญมณีและเครื่องประดับ                                    30.06              -2.78
7.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์                                27.62             -65.07
8.เครื่องยนต์สันดาปภายในฯ                                  25.70             -54.35
9.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ                              24.96             -59.61
11.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ                           22.81             -22.52
12.ยางพารา                                             22.07              -8.86
13.เครื่องคอมเพรสเซอร์ของเครื่องทำความเย็น                   21.54             -19.22
14.ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม                                       21.33             -54.52
15.แผงวงจรไฟฟ้า                                         21.16             -26.65
17.ผลิตภัณฑ์พลาสติก                                        16.20              -2.69
18.ผลิตภัณฑ์ยาง                                           12.82              -7.61
19.เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ                        11.03             -72.23
20.สิ่งทออื่นๆ                                             10.94             -28.05
21.ทองแดงและของทำด้วยทองแดง                             10.86             -35.61
22.เส้นใยประดิษฐ์                                          9.97             -31.84
23.ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ                              9.30             -15.19
24.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ                          7.82             -29.16
25.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้                                        6.99              -8.89


4.4  ข้อมูลเพิ่มเติม

ปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในเกณฑ์ที่สูงโดยในปี 2551 มีการขยายตัวถึง 7% ประกอบกับมีประชากรที่มีกำลังซื้อสูงมีมากถึง 300 ล้านคน จึงทำให้ผู้ส่งออกไทยจำนวนมากหันมาให้ความสนใจที่จะเจาะตลาดอินเดียกันมากขึ้น ขณะที่ตลาดอื่น ๆ เริ่มซบเซาอันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ในขณะที่ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีโอกาสมากในสินค้าหลายชนิด เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป เนื่องจากเทคโนโลยีการเกษตรของอินเดียยังไม่ทันสมัย ประกอบกับยังไม่มีคู่แข่งจากประเทศอื่นเข้าไปทำตลาดมากนัก และคนอินเดียยังนิยมใช้ของนอก จึงเป็นโอกาสให้กับสินค้าไทยในหมวดสินค้าอาหารที่จะเข้าไปทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องแกงสำเร็จรูป น้ำกะทิ ข้าวเกรียบชนิดยังไม่ทอด โปรตีนเกษตร (คนอินเดียบริโภคอาหารมังสวิรัติ 60%) อาหารมังสวิรัติต่าง ๆ ขนมประเภท snack ลำไย และมังคุด เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีโอกาสในด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตรของไทยที่กำลังเป็นที่สนใจของคนอินเดียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเครื่องสีข้าว เนื่องจากกำลังการผลิตมากกว่าเครื่องของอินเดียถึง 3 เท่าตัว แถมราคาก็ไม่แพง จึงมีผู้สั่งซื้อเข้าไปใช้ในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ส่วนสินค้าของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ชนิดผู้ซื้อประกอบเองก็กำลังเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังมีความต้องการในอินเดีย การออกแบบของตกแต่งบ้านของไทยนั้นทันสมัยกว่าของอินเดีย แถมไม่แพงเป็นที่ต้องการของเศรษฐีใหม่ในอินเดียเป็นอย่างยิ่ง อีกสาขาหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย นั่นคือการบริการ ไม่ว่าจะเป็น สปา ร้านอาหารไทย และการรักษาพยาบาล สปาไทยกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในอินเดีย โดยโรงแรมรีสอร์ทและร้านเสริมสวยในอินเดียมักจะมี สปาไทยไว้บริการลูกค้า สำหรับร้านอาหารไทยควรสนับสนุนให้มีการร่วมทุนในลักษณะแฟรนไชส์ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวแบบไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหามันสำปะหลังล้นตลาดด้วย เนื่องจากหากมีร้านเฟรนไชส์ ร้านก๋วยเตี๋ยวในต่างประเทศมากขึ้น การส่งออกเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากมันสำปะหลังก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย สำหรับธุรกิจการรักษาพยาบาล ควรประชาสัมพันธ์ให้คนอินเดียได้ทราบว่าแม้แต่คนดูไบยังมารักษาพยาบาลในไทย เนื่องจากชาวอินเดียที่มีฐานะดีมักจะเดินทางไปพักผ่อน ไปชอปปิงที่ดูไบ และมักจะเลียนแบบรูปแบบการใช้ชีวิตของชาวดูไบ ซึ่งหากชี้ประเด็นนี้ก็จะมีคนอินเดียมาใช้บริการรักษาพยาบาลในไทยมากขึ้น นอกจากนั้นก็ควรโฆษณาร้าน duty free ของไทยด้วยว่าราคาเท่ากับหรือถูกกว่าที่ดูไบ เพื่อให้คนอินเดียหันมาชอปปิงและมาเที่ยวไทยมากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า นอกเหนือจากภาคการลงทุนแล้ว ภายหลังจากที่ประเทศอินเดียมีรัฐบาลชุดใหม่ ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยเองอาจจะได้ประโยชน์จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างของรัฐบาลอินเดียและการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคนในชนบท โดยการกลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งของพรรครัฐบาลเดิมจะมีประโยชน์ในแง่ของการสานต่อนโยบายเศรษฐกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้วซึ่งจะก่อให้เกิดความต่อเนื่องของนโยบายจนสามารถประสบผลสำเร็จได้ สำหรับประเทศไทยเองนับเป็นโอกาสที่ดีของสาขาการลงทุนในภาคบริการ นับตั้งแต่การก่อสร้าง โรงภาพยนต์ สปา โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคารและร้านอาหารไทย รวมถึงห้างค้าปลีกค้าส่ง นอกจากนี้การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเช่น การแปรรูปอาหาร การผลิตอาหารสัตว์ การผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์เคมี ก็จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ผู้ส่งออกไทยจะได้ประโยชน์จากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้กรอบ FTA อาเซียน-อินเดียที่คาดว่าจะลงนามราวต้นปี 2553 รวมถึงความคืบหน้าในการเจรจา FTA ไทย-อินเดียรอบ 2 ที่จะขยายขอบเขตการลดภาษีสินค้าจากเดิม 82 รายการเพิ่มขื้นเป็นกว่า 3 พันรายการ โดยหลังจาก FTA ไทย-อินเดีย มีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายน 2547 ไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับอินเดียมาโดยตลอดและในปี 2551 ที่ผ่านมาทั้งนี้จากสถิติพบว่า ไทยใช้สิทธิส่งออกสินค้า 82 รายการถึงร้อยละ 96.1 ทั้งนี้เนื่องจากอินเดียจัดเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่มีอัตราภาษีนำเข้าสูงและค่อนข้างซับซ้อน การลดภาษีภายใต้กรอบ FTA ส่งผลให้สินค้าไทยมีภาระต้นทุนทางภาษีต่ำกว่าประเทศคู่แข่งที่ยังไม่มี FTA กับอินเดียโดยเฉพาะคู่แข่งจากประเทศอาเซียนที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราค่อนข้างสูงสินค้าที่ไทยใช้สิทธิมากได้แก่ โทรทัศน์สี เครื่องเพชรพลอยทำด้วยโลหะมีค่า อย่างไรก็ตาม สินค้าเพียง 82 รายการที่ไทยเปิดเสรีกับอินเดียนั้นคิดเป็นร้อยละ 1.6 ของสินค้าทั้งหมดกว่า 5,000 รายการ จึงทำให้สินค้าหลายรายการที่ไทยมีความสามารถแข่งขันในตลาดอินเดียสูงยังไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีเช่น น้ำผลไม้และผลไม้แปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร ผลิตภัณฑ์ยาง ผลิตภัณฑ์พลาสติก กระดาษ ของเล่นและไฟเบอร์บอร์ด ทั้งนี้การเร่งเจรจาในกรอบทวิภาคีเพื่อเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมอีกกว่า 3 พันรายการน่าจะช่วยให้สินค้าส่งออกไทยเข้าสู่ตลาดอินเดียได้มากขึ้น นอกจากนี้หาก FTA อาเซียน-อินเดียมีผลบังคับใช้ ผู้ส่งออกไทยจะได้ประโยชน์จากกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่สามารถใช้วัตถุดิบจากประเทศอาเซียนอื่นใน การผลิตสินค้าได้รวมถึงการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมจากกรอบทวิภาคีเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็กและเหล็กกล้า อัญมณีและเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบเป็นต้น

ห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอินเดีย “อินดี้ชอปปี้” สนใจสินค้าของพรานทะเล พร้อมสนับสนุนการทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยรู้สึกประทับใจสินค้าอาหารทะเลแช่แข็งของพรานทะเลเป็นอย่างมาก ซึ่งได้รับการตอบรับดีเกินความคาดหมาย มีลูกค้าสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก ปัจจุบัน คนอินเดียมีกำลังซื้อสูงขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจซ๊อฟแวร์ ประกอบกับเมืองเจนไนเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่เป็นจำนวนมาก เช่น โนเกีย ฮุนได นิสสัน บีเอ็มดับบลิว ไอบีเอ็ม อินโฟสิส ทาทา และเลแลนด์ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าอาหารทะเลมีสูงมาก ดังนั้น พรานทะเลจึงเป็นคำตอบที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยเฉพาะ นอกจากนั้น สินค้าอาหารทะเลของไทยมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง, ปลาหมึก ชนิดต่างๆ อาหารทะเลเสียบไม้ (บาบีคิว), อาหารทะเลรวมมิตร, สินค้าชุบเกล็ดขนมปัง, ห่อเกี๊ยว, ห่อปอเปี๊ยะ และ กุ้งค็อกเทล โดยเฉพาะพรานทะเล ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างสูง จึงนับเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตอาหารไทยรายอื่นๆ ในการเปิดตลาดอินเดียต่อไป

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ