เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่าทบวงสาธารณสุขไต้หวันได้ตรวจพบสารโคเคนตกค้างในเครื่องดื่มให้พลังงานยี่ห้อกระทิงแดง (Red Bull Energy Drink) เป็นปริมาณ 0.03 ppm ต่อลิตร และสำนักงานอัยการท้องถิ่นประจำกรุงไทเปได้มีคำสั่งอายัดเครื่องดื่มดังกล่าว ที่นำเข้าจากประเทศออสเตรีย จำนวน 411,960 กระป๋องจากผู้นำเข้า (Nanlien International Corporation) พร้อมทั้งมีคำสั่งให้บริษัทฯ เรียกเก็บคืนสินค้าทั้งหมดออกจากตลาด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบยาเสพติดร้ายแรงระดับ 1 ในสินค้าอาหารในไต้หวัน
เครื่องดื่มให้พลังงานยี่ห้อกระทิงแดงมีวางขายในไต้หวันตั้งแต่ปี 2548 แต่เนื่องจากราคาขายค่อนข้างสูง (ราคาขายปลีกเฉลี่ยระหว่าง 50-65 เหรียญไต้หวันต่อกระป๋อง) ทำให้มีขายในเฉพาะซุปเปอร์มาร์เก็ตระดับ Hi-end และตาม Pub ต่างๆ เท่านั้น ส่วนแบ่งตลาดจึงน้อยกว่าสินค้ายี่ห้ออื่น จนทำให้บริษัทแม่ในออสเตรียตัดสินใจยุติความร่วมมือกับเอเย่นต์รายเดิมและหันมาสร้างความร่วมมือกับผู้นำเข้าที่มีความชำนาญในการขยายช่องทางการขายที่มากกว่าคือ Nanlien International Corporation และทางบริษัทฯ ก็มีแผนจะวางขายเครื่องดื่มกระทิงแดงในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไป
แต่จากการที่ช่วงก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทางการเยอรมันได้ตรวจพบสารโคเคนตกค้างในสินค้ากระทิงแดงโคล่า (Red Bull Cola) ที่ผลิตโดยบริษัท Red Bull Asia Fze ของออสเตรีย ซึ่งสินค้าของบริษัทดังกล่าวมียอดขายในปี 2551 มากกว่า 4,200 ล้านกระป๋องในกว่า 130 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งในไต้หวันด้วย จึงทำทบวงสาธารณสุขไต้หวันเพิ่มความระวังในการตรวจสอบสินค้าที่ผลิตโดยบริษัทแห่งนี้ กองสาธารณสุขไทเปจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสุ่มเก็บตัวอย่างจากสินค้าเครื่องดื่มให้พลังงานยี่ห้อกระทิงแดงที่นำเข้าโดย Nanlien International Corporation ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ซึ่งในตอนแรกบริษัทฯ ยืนยันว่าสินค้าเครื่องดื่มให้พลังงานที่บริษัทฯ นำเข้า กับสินค้าเครื่องดื่มกระทิงแดงโคล่า มีส่วนผสมที่ไม่เหมือนกัน แต่จากผลการตรวจหาสารตกค้างโดยห้องปฏิบัติการของ National Bureau of Controlled Drugs ทบวงสาธารณสุขพบว่า มีการตรวจพบสารโคเคนตกค้างในกลุ่มตัวอย่างคิดเป็นปริมาณ 0.03 ppm ต่อลิตร สำนักงานอัยการท้องถิ่นประจำกรุงไทเปจึงได้มีคำสั่งอายัดเครื่องดื่มล็อตดังกล่าวจากคลังสินค้าของผู้นำเข้าที่เมืองเถาหยวนและเมืองเกาสงจำนวนรวม 411,960 กระป๋อง คิดเป็นมูลค่าตลาดประมาณ 25 ล้านเหรียญไต้หวัน พร้อมทั้งมีคำสั่งห้ามการจำหน่ายและให้บริษัทฯ เรียกเก็บคืนสินค้าทั้งหมดออกจากตลาด โดยสำหรับผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าไปแล้วสามารถนำใบเสร็จรับเงินมาแสดงเพื่อขอคืนสินค้าได้ ณ จุดที่ซื้อสินค้า
อย่างไรก็ดี บริษัทกระทิงแดงสาขาไต้หวันได้ยืนยันว่า เครื่องดื่มให้พลังงานยี่ห้อกระทิงแดงที่ผลิตในออสเตรียนี้ ได้ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลออสเตรียแล้ว แต่ไม่มีการตรวจพบสารโคเคนตกค้างแต่อย่างใด พร้อมนี้ยังได้ยืนยันอีกว่าบริษัทแม่ในออสเตรียได้นำสินค้าไปตรวจสอบกับห้องปฏิบัติการอื่นที่ได้มาตรฐานสากลแล้วไม่พบว่ามีสารโคเคนตกค้างในสินค้าของบริษัท จึงไม่เข้าใจว่าทบวงสาธารณสุขมีวิธีการและมาตรฐานในการตรวจสอบอย่างไร ซึ่งบริษัทฯ จะขอความกระจ่างจากทบวงสาธารณสุขต่อไป
และจากการเปิดเผยของอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้ชี้ว่า ปริมาณสารโคเคนตกค้างที่ถูกตรวจพบในเครื่องดื่มกระทิงแดงในครั้งนี้ถือว่าน้อยมาก และจะไม่สามารถตรวจพบจากการตรวจปัสสาวะ เพราะต้องดื่มครั้งเดียวเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 กระป๋อง ปริมาณสารตกค้างจึงจะมากพอที่จะตรวจพบได้ รวมทั้งยังไม่ส่งผลให้เกิดอาการเสพติด แม้จะดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ทั้งนี้ระเบียบควบคุมมาตรฐานสินค้าอาหารของไต้หวันได้ระบุอย่างชัดแจ้งว่าห้ามมี จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันเครื่องดื่มให้พลังงานของไทยไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายในไต้หวันได้เนื่องจากมีส่วนผสมของสารที่ไม่อนุญาตให้ใช้ (เช่น Tongaly เป็นต้น) และบางส่วนมีส่วนผสมของคาเฟอีนมากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ไม่เกิน 32 mg/ 100 cc)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา
ที่มา: http://www.depthai.go.th