นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการพบสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ(ทิฟฟ่า)ในโครงการ”โลจิสติกส์การค้าสัญจรเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจไทย”ว่า การขนส่งผ่านท่าเรือแหลมฉบังที่เป็นสินค้าส่งออกลดลงตลอดช่วง 4 เดือน(มกราคม-เมษายน2552) 29.3% 20 % 18.8% และ 21.1% ตามลำดับ ขณะที่การนำเข้าลดลงเช่นกัน 33.4% 4.2% 23.9% และ 36.3% ตามลำดับ ส่งผลต่อผลประกอบลดลง ทำให้ผู้ประกอบการมีปัญหาด้านสภาพคล่อง จนบางรายต้องปิดกิจการ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงของแรงงานที่จะถูกเลิกจ้าง จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือด้านภาระค่าใช้จ่ายและพิธีการทางศุลกากร เพื่อผลักดันให้ไทยสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้
สำหรับการเปิดเสรีทางการค้าในสาขาผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในปี 2553 นั้น ภาคเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐควรมีมาตรการป้องกันและตรวจสอบการเข้ามาของกลุ่มชาติที่ไม่ใช่กลุ่มอาเซียนที่มาใช้สิทธิประโยชน์ในการเปิดเสรี รวมถึงให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกฎระเบียบและเงื่อนไขการลงทุนของภาคธุรกิจโลจิสติกส์ของแต่ละประเทศคู่เจรจาให้ภาคเอกชนได้รับทราบ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้สอดคล้องการขยายตลาดของกรมส่งเสริมการส่งออก การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือกับผู้ประกอบการในประเทศนั้นๆ
“ธุรกิจโลจิสติกส์จะเปิดเสรีเต็มที่ใน 3 ปีข้างหน้า ไทยจำเป็นต้องทำแผนในเชิงรุกและเชิงรับ ซึ่งอยู่ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำลังจัดทำพรบ.ส่งเสริมผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย รวมถึงการนำระบบซอฟแวร์มาช่วยในการปฏิบัติงาน เพื่อการเชื่อมโยงทั้งในและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะต้องให้ผู้ประกอบการรุกไปลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะเชื่อว่า ไทยยังได้เปรียบในธุรกิจนี้อยู่ ”นายอลงกรณ์ กล่าว
เรื่องเร่งด่วนที่ต้องการให้ภาครัฐดำเนินการ คือ การขอให้ลดอัตราค่าภาระที่การท่าเรือแห่งประเทศไทยเรียกเก็บจากภาคเอกชน ทั้งในด้านค่าเคลื่อนย้ายตู้สินค้ากรณีพิเศษและขอลดภาระฝากตู้สินค้า รวมถึงลดอัตราค่าภาระที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เรียกเก็บกับภาคเอกชนเหลือเพียง44 บาทต่อตร.ม.เช่นเดิม ซึ่งเรื่องดังกล่าวรอมติครม.เห็นชอบเพื่อลดภาระผู้ประกอบการในภาวะเศรษฐกิจการค้าโลกชะลอตัว
นอกจากนี้ขอพิจารณาสถานะตัวแทนออกของฝ่ายไทย ให้ดำเนินการนิติกรรมกับกรมศุลกากรตามขอบเขตความรับผิดชอบ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในขั้นตอนการขออนุญาตออกของ การขอให้ภาครัฐพิจารณาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต)ของธุรกิจผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจาก 7% เหลือ 3% และขอให้กรมส่งเสริมการส่งออกสนับสนุนการจัดประชุมโลจิสติกส์โลก 2010 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2553 ซึ่งเรื่องนี้จะหารือกับกรมฯเพื่อให้มีการจัดงานรวมกับงานแสดงสินค้าโลจิสติกส์ของไทย
“การลดภาระค่าใช้จ่ายและสถานะตัวแทนออกของทางศุลกากรจะเร่งหารือกับรมว.คลัง เพื่อให้ได้ข้อสรุป พร้อมๆ กับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับงานในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ภายใน 10 วัน “ นายอลงกรณ์ กล่าว
ที่มา: http://www.depthai.go.th