เมืองหลวง : Pretorial พื้นที่ : 1,219,090 ตารางกิโลเมตร ภาษาราชการ : Afrikaans, English, etc. ประชากร : 48.7 m (2008) อัตราแลกเปลี่ยน : US$1 : ZAR 4.2001 (17/06/2009) (1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ
ปี 2551 ปี 2552
Real GDP growth (%) 3.1 -1.8 Consumer price inflation (av; %) 11.3 6.0 Budget balance (% of GDP) -1.1 -4.0 Current-account balance (% of GDP) -7.4 -5.5 Lending rate (av; %) 15.1 12.7 Exchange rate R:US$ (av) 8.26 10.5 โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับแอฟริกาใต้ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 407.80 100.00 -22.82 สินค้าเกษตรกรรม 123.70 30.33 26.45 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 47.82 11.73 6.93 สินค้าอุตสาหกรรม 220.46 54.06 -38.90 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 15.83 3.88 -36.73 สินค้าอื่นๆ 0.0 0.0 0.0 โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับแอฟริกาใต้ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นำเข้าทั้งสิ้น 106.60 100.00 -45.91 สินค้าเชื้อเพลิง 0.72 0.67 9.67 สินค้าทุน 6.37 5.98 55.85 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 69.57 65.26 -61.96 สินค้าบริโภค 2.53 2.37 -46.44 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง 26.07 24.45 449.21 สินค้าอื่นๆ 1.36 1.27 0.0 1. มูลค่าการค้า มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - แอฟริกาใต้ 2551 2552 D/%
(ม.ค.- เม.ย.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการค้ารวม 725.43 514.40 -29.09 การส่งออก 528.36 407.80 -22.82 การนำเข้า 197.07 106.60 -45.91 ดุลการค้า 331.29 301.19 -9.09 2. การนำเข้า แอฟริกาใต้เป็นตลาดนำเข้า อันดับที่ 35 มูลค่า 106.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 45.91 สินค้า นำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการนำเข้ารวม 106.60 100.00 -45.91 1. รถยนต์นั่ง 25.52 23.94 2. เครื่องเพชรพลอย อัญมณีฯ 19.00 17.82 -42.63 3. สินแร่โลหะอื่น ๆ ฯ 15.22 14.28 -73.35 4. เคมีภัณฑ์ 11.42 10.71 -24.45 5. เหล็ก เหล็กกล้าและฯ 11.23 10.54 -79.00 อื่น ๆ 0.99 0.93 -88.20 3. การส่งออก แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออก เป็นอันดับที่ 26 มูลค่า 407.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 22.82 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการส่งออกรวม 407.80 100.00 -22.82 1. ข้าว 115.39 28.30 36.13 2. รถยนต์ อุปกรณ์ฯ 55.43 13.59 -45.24 3. อาหารทะเลกระป๋องฯ 40.92 10.03 6.99 4. เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์ฯ 25.56 6.27 29.09 5. ผลิตภัณฑ์ยาง 17.12 4.20 -25.43 อื่น ๆ 46.73 11.46 -42.11 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปแอฟริกาใต้ ปี 2552 (ม.ค. — เม.ย.) ได้แก่
ข้าว : แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของไทย รองจากสหรัฐฯ และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 1.80 23.72 102.18 และ 36.13 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนฯ : แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 13 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่าปี 2551 และ 2552 (มค.-เม.ย.) มีอัตราการขยายตัวลดลง (ร้อยละ 10.49 และ 45.24) ในขณะที่ปี 2549 และ 2550 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.04 และ 31.30 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อาหารทะเลกระป๋องฯ : แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 5 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 - 2552 พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 68.68 70.76 86.60 และ 6.99 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนฯ : แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 8 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 — 2552 พบว่าปี 2549 เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (ร้อยละ10.45) ในขณะที่ปี 2550 - 2552 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 389.63 79.76 และ 29.09 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ยางพารา : แอฟริกาใต้เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 17 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2548 — 2552 พบว่า ปี 2552 (มค.-เม.ย.) เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลง (ร้อยละ 25.43) ในขณะที่ปี 2549 - 2552 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.61 31.17 และ 4.30 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 1. ข้าว 115.39 36.13 3. อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 40.92 6.99 4. เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนฯ 25.56 29.09 14.ผ้าผืน 4.72 11.68 20.ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม 2.73 9.12 24.กระดาษและผลิตภัณฑ์ฯ 2.21 24.36 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดแอฟริกาใต้ ปี 2552 (ม.ค.- เม.ย.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 18 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 2.รถยนต์ อุปกรณ์ฯ 55.43 -45.24 5.ผลิตภัณฑ์ยาง 17.12 -25.43 7.เครื่องยนต์สันดาปฯ 10.12 -55.08 8.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ 9.41 -50.86 9.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 8.64 -67.39 10.เม็ดพลาสติก 8.31 -44.01 11.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 6.80 -23.25 12.ของเบ็ดเตล็ดทำด้วยโลหะฯ 5.79 -45.63 13.เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้ง 4.75 -45.65 15.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ฯ 4.69 -47.67 16.เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 4.38 -53.35 17.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 3.77 -52.25 18.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น 3.53 -77.55 19.เคมีภัณฑ์ 2.76 -14.43 21.เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน 2.58 -57.67 22.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 2.45 -31.77 23.แก้วและกระจก 2.35 -40.02 25.โกโก้และของปรุงแต่ง 2.00 -4.23 5. ข้อมูลเพิ่มเติม
ปัจจุบันทวีปแอฟริกาเป็นตลาดใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ส่งออกและนักลงทุนต่างชาติ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากวิกฤติซับไพร์มที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดหลัก อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้ผู้ส่งออกเริ่มหันไปหาตลาดใหม่อย่างทวีปแอฟริกาซึ่งมีศักยภาพในปัจจุบัน เนื่องจากทวีปแอฟริกาเป็นตลาดขนาดใหญ่ด้วยจำนวนประชากรกว่า 900 ล้านคน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาตินานาชนิดทั้งทั้งน้ำมันก๊าซธรรมชาติ และสินแร่ต่างๆ ทั้งนี้ในบรรดาประเทศแอฟริกาทั้งหลายแอฟริกาใต้นับเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงทั้งในด้านการค้าและการลงทุน เศรษฐกิจโดดเด่นที่สุดในทวีป แอฟริกาใต้เป็นประเทศที่มีโครงสร้างทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในทวีปแอฟริกา และเศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจแอฟริกาใต้ขยายตัวเฉลี่ยราวร้อยละ 5 ต่อปี อีกทั้งเศรษฐกิจแอฟริกามีความหลากหลายทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการปัจจุบันภาคอุตสหกรรมของแอฟริกาใต้โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหมืองแร่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และสามารถนำรายได้จำนวนมาก เข้าประเทศในแต่ละปี โครงสร้างพื้นฐานมีประสิทธิภาพ โครงสร้างพื้นฐานของแอฟริกาใต้ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นลำดับจนมีความพร้อมและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบคมนาคมขนส่งของแอฟริกาใต้ซึ่งมีประสิทธิภาพ จึงเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในภูมิภาค ซึ่งผู้ส่งออกไทยสามารถใช้เป็นประตูการค้าไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ สินค้าไทยเป็นที่ต้องการในตลาดแอฟริกาใต้ ผู้บริโภคแอฟริกาใต้ส่วนใหญ่นิยมสินค้าที่มีคุณภาพและผลิตตามกรรมวิธีที่ถูกสุขอนามัย รวมทั้งได้รับการรับรองคุณภาพจากหน่วยงานของรัฐซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของสินค้าไทยส่วนใหญ่ที่ทีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ขณะที่สินค้าจีนซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดแอฟริกาใต้ค่อนข้างมาก กลับประสบปัญหาด้านคุณภาพจึงได้รับความนิยมน้อยลง ซึ่งนับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเข้าไปขยายตลาดในแอฟริกาใต้โอกาสและปัจจัยสนับสนุนการค้าของไทยในทวีปแอฟริกา โดยที่ประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่ยังขาดแคลนเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัย หรือมีสภาพภูมิประเทศกันดารไม่เหมาะสมต่อการทำการเกษตร ทำให้ไม่สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อการบริโภค ประเทศต่างๆ ในทวีปนี้จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าอาหารจากต่างประเทศจำนวนมาก ขณะที่ไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารที่สำคัญแห่งหนึ่ง อีกทั้งไทยยังตั้งความหวังที่จะเป็นครัวของโลก ดังนั้นการเข้าไปขยายตลาดสินค้าอาหารในทวีปนี้ จึงเป็นโอกาสที่ไทยควรคว้าไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ สินค้าของไทยมีราคาไม่แพง แต่มีคุณภาพดีและเป็นที่ยอมรับในตลาดยุโรปและอเมริกาแล้ว หากมีการพัฒนาด้านรูปแบบผลิตภัณฑ์รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดได้ก็อาจจะครองใจชาวแอฟริกันได้ไม่ยากไทยอาจใช้แนวทางการผูกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการเพื่อการพัฒนาทางด้านการเกษตรที่ไทยมีความก้าวหน้ากว่าซึ่งนอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยแล้ว ยังทำให้ชาวแอฟริกันรู้จักเทคโนโลยีการเกษตรของไทย และจะเป็นช่องทางการเปิดตลาดสินค้าเครื่องจักรกลทางการเกษตรพันธุ์พืชและสัตว์ ตลอดจนเคมีภัณฑ์การเกษตรของไทยในตลาดแอฟริกาด้วย ประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่ เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติในยุโรป ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับเอกราชแล้ว ประเทศเจ้าอาณานิคมเดิมยังให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าและภาษี ซึ่งไทยอาจใช้แอฟริกาเป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดยุโรปได้การกีดกันทางการค้าน้อย โดยเฉพาะการกีดกันด้านมาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์ เอกชน ขณะเดียวกันในส่วนองค์กรการค้าภาคเอกชนซึ่งมีทั้งสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมไทย รวมถึงสมาคมการค้าต่าง ๆ ควรจะต้องมีการร่วมมือประสานงานกัน โดยมีการจับคู่ธุรกิจทั้งภายในและภายนอก พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำการค้ากับคู่ค้าในต่างประเทศ รวมทั้งชี้ให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคที่พบในการทำธุรกิจ และมีการจัดทำ Black List บริษัทคู่ค้าที่มีพฤติกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาสำหรับผู้ประกอบการแต่ละราย ควรมีการรวมกลุ่มนักธุรกิจในการเจรจาทางการค้า เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ ประเทศในแอฟริกาส่วนใหญ่ขาดแคลนเงินตราต่างประเทศในการทำการค้า ซึ่งการรวมกลุ่มธุรกิจอาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน อาจเป็นธุรกิจที่แตกต่างกันแต่มีความต้องการทำธุรกิจกับประเทศในแอฟริกาเหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อาหารจับคู่กับธุรกิจเครื่องประดับ แล้วให้ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารไทยขายสินค้าโดยรับชำระค่าสินค้าด้วยสินแร่อัญมณีแทน ขณะที่ผู้ประกอบการเครื่องประดับก็จะได้วัตถุดิบที่ต้องการ พร้อมทั้งตีราคามูลค่าของอัญมณีที่ได้ชำระมาเป็นเงินสดจ่ายให้แก่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารต่อไป
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเดินทางไปร่วมพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้คนใหม่ ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม ซึ่งจะใช้โอกาสนี้พบปะหารือข้อราชการกับหน่วยงานภาครัฐและผู้นำเข้าของแอฟริกา 2 เรื่อง คือ การขยายมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ และแนวทางความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน นอกจากนี้จะได้พบกับประธานสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งชาติ และบริษัทผู้นำเข้าสินค้าไทยและบริษัทท่องเที่ยวของแอฟริกาด้วย โดยฝ่ายไทยจะได้ชี้แจงให้ทราบว่าไทยมีนโยบายมุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุนตลาดใหม่ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตลาดแอฟริกาใต้มีความสำคัญกับไทยมากที่สุดในทวีปแอฟริกาขณะที่ในส่วนของการลงทุน พบว่า ปัจจุบันปริมาณการลงทุนระหว่างไทยและแอฟริกายังมีมูลค่าน้อย โดยภาคธุรกิจที่มีศักยภาพในการร่วมลงทุน ได้แก่ ธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม การก่อสร้าง และอาหารแปรรูป โดยขณะนี้มีบริษัทไทยที่เริ่มเข้าไปลงทุนในแอฟริกาใต้แล้ว ได้แก่ กลุ่มบริษัทในธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจเหมือง เป็นต้น
สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นสิ่งใหม่สำหรับผู้บริโภคทั่วไปในแอฟริกา จากข้อมูลของ FAO (ปี พ.ศ. 2551) ประเทศที่มีการทำเกษตรอินทรีย์สูงสุดในแอฟริกาได้แก่ ตูนีเซีย อูกันดา แอฟริกาใต้ และแทนซาเนีย โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดยุโรป คงมีเพียงสัดส่วนเล็กน้อยที่จำหน่ายภายในประเทศ นอกจากนี้สินค้าเกษตรอินทรีย์ที่เป็นที่รู้จักและยอมรับในเพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น เช่น อียิปต์ แอฟริกาใต้ อูกันดา เคนยา แทนซาเนีย และจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้บริโภคที่มีระดับรายได้สูงเท่านั้น เนื่องจากมีระดับราคาสูง เฉพาะในแอฟริกาใต้ มีเพียงประมาณ 250 แห่ง ที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ โดยมีพื้นที่การเพาะปลูกประมาณ 45,000 เฮคตาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนของการเพาะปลูกเพียงร้อยละ 0.05 ของพื้นที่การเพาะปลูกทั้งสิ้นของทั้งแอฟริกาใต้เท่านั้น ทั้งนี้ในปัจจุบันแอฟริกาใต้ยังไม่มีหน่วยงานในการกำหนดมาตรฐานของเกษตรอินทรีย์ อย่างไรก็ตามอิทธิพลและแนวโน้มของการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้มีการขยายตัวของความต้องการสินค้าเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างมาก รวมทั้งแอฟริกาใต้ด้วยโดยในช่วงระหว่างสามปีที่ผ่านมามีการขยายตัวกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ในแต่ละปี ถึงแม้ว่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ประเภทสินค้าอาหารยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่ใหม่ มีขนาดไม่ใหญ่โตนักและข้อมูลภายในประเทศยังมีอยู่อย่างจำกัด แต่จากการที่ผู้บริโภคให้ความใส่ใจในสุขภาพของตนเองส่งผลให้มีการกระตุ้นให้เกิดความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้จากสินค้าผักผลไม้สดที่เป็นเกษตรอินทรีย์ที่มีวางจำหน่ายเพิ่มมากขึ้นตามห้างสรรพสินค้า ซูปเปอร์มาร์เก็ต หลายแห่งนำเสนอสินค้าเกษตรอินทรีย์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันห้างสำคัญที่มีสินค้าเกษตรอินทรีย์วางจำหน่ายหลากหลาย ได้แก่ Woolworth (www.woolworths.co.za) และ ห้างฯ Pick & Pay (www.picknpay.co.za)โดยสินค้าเกษตรอินทรีย์มีตั้งแต่ผัก ผลไม้ ข้าว แป้งประเภทต่างๆ น้ำมันพืช นม น้ำเต้าหู้ ครีมสลัดต่างๆ ขนมปัง ขนมขบเคี๊ยว ชา กาแฟ ถั่ว น้ำตาล ชอกโกแลต เครื่องดื่ม น้ำผลไม้ เป็นต้น และก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคแอฟริกาใต้
ที่มา: http://www.depthai.go.th