วันที่ 7 กรกฎาคม 2552 จะเป็นวันแรกที่ทางการฮ่องกงบังคับใช้มาตรการให้ร้านค้าปลีก (ที่ปัจจุบันมีกว่า 2,000 ร้านค้า) เก็บค่าถุงพลาสติกที่ใช้สำหรับใส่สินค้ากับผู้ซื้อในราคา ถุงละ 50 เซนต์ โดยมาตรการนี้ มีขึ้นเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกของคนในฮ่องกง ซึ่งมีประมาณ 7 ล้านคน ฮ่องกงขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ใช้ถุงพลาสติกเปลืองที่สุดแห่งหนึ่งในโลก คนฮ่องกงจะใช้ถุงพลาสติกปีละ 8 พันล้านใบ หรือประมาณ 30 ล้านใบต่อวัน เฉลี่ยประมาณ 4 ใบต่อคนต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าไต้หวันกว่าร้อยละ 50 และมากกว่าที่ใช้ในสหภาพยุโรป เกือบ 3 เท่า และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าภายใน 8 ปีต่อข้างหน้าฮ่องกงจะไม่มีที่เก็บขยะ ดังนั้นทางการฮ่องกงจึงได้ผ่านกฎหมายเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2552 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคม เป็นต้นไป ให้เก็บภาษีค่าถุงทุกใบที่ใช้ในร้านค้าปลีกที่ขึ้นทะเบียน โดยให้ทางร้านเก็บจากผู้ซื้อ ทางการฮ่องกงเห็นว่ามาตราการนี้จะเป็นการกระตุ้นสำนึกในการระมัดระวังการใช้ถุงพลาสติกของคนฮ่องกง และจะทำให้จำนวนขยะจากถุงพลาสติกลดลง และเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชีวิตสีเขียว (Green Life) ที่ทางการฮ่องกงต้องการให้ชาวฮ่องกงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
1. ร้านค้าปลีกที่เข้าข่ายต้องเก็บค่าถุง ได้แก่ Supermarket, Convenience Store, Personal Care Shop
2. ร้านค้าดังกล่าวต้องขึ้นทะเบียน กับ กรมป้องกันสิ่งแวดล้อม (Department of Environmental Protection)
3. ร้านที่ขึ้นทะเบียนแล้ว จะมีสติกเกอร์ติดหน้าร้าน เพื่อเตือนผู้ซื้อว่าต้องจ่ายค่าถุงใส่สินค้าหากไม่นำมาเอง
4. มาตรการดังกล่าวไม่ได้บังคับกับสินค้า อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์
- มีการทดลองไม่ให้ถุงในบางวันของสัปดาห์ เช่น วันอาทิตย์ เพื่อเตือนและรณรงค์ให้ผู้ซื้อให้นำถุงมาเอง
- มีสินค้าบางอย่างเริ่มปรับรูปแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถถือได้เลย เช่น น้ำมันพืชเริ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมถือ และแทนที่จะขายเพียง 1 ขวด ก็ขายเป็นแพ๊ค 3 ขวดพร้อมหูหิ้ว หรือถุงบรรจุข้าวขนาด 5 กก. หรือ 8 กก. ออกแบบให้สามารถหิ้วได้ เป็นต้น
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่พร้อมถือ หรือขายเป็นแพ็คในปริมาณ ไม่มากนัก เช่น 2-3 ชิ้น จะทำให้สินค้าได้รับความสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ ถุงที่รักษ์สิ่งแวดล้อมสามารถนำมาใช้ใหม่ได้อีก โดยมีรูปแบบที่ทันสมัยเข้ากันชีวิตความเป็นอยู่ของฮ่องกงน่าจะมีโอกาสดี
สคต. ฮ่องกง
ที่มา: http://www.depthai.go.th