สรุปภาวะการค้าระหว่างประเทศไทย - เยอรมนี ปี 2552 (ม.ค.-พ.ค.) สรุปจากสถิติ Menucom และ World Trade Atlas

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 10, 2009 15:57 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. มูลค่าการค้า
มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - เยอรมนี
                           2551          2552           /%

(ม.ค.-พ.ค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการค้ารวม             3,387.12       2,371.00     -30.00
การนำเข้า                 2,035.93       1,385.31     -31.96
การส่งออก                 1,351.20         985.69     -27.05
ดุลการค้า                   -684.73        -399.62     -41.64

2. การนำเข้า
ประเทศไทยนำเข้าจากตลาดเยอรมนี เป็นอันดับที่ 9 มูลค่า 1,385.31 ล้านเหรียญสหรัฐ
ลดลงร้อยละ 31.96 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                      มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                    1,385.30           100.00        -31.96
1.เครื่องจักรกลและส่วนฯ                  366.76            26.48          3.29
2.เคมีภัณฑ์                             141.71            10.23        -47.13
3.เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนฯ                114.11             8.24        -45.67
4.เครื่องบิน เครื่องร่อน                    87.98             6.35        -33.69
5.เครื่องใช้วิทยาศาสตร์ฯ                   76.46             5.52         -6.75
         อื่น ๆ                        598.26            43.19         39.45

3. การส่งออก
ประเทศไทยส่งออกไปตลาดเยอรมนี เป็นอันดับที่ 16 มูลค่า 985.69 ล้านเหรียญสหรัฐ
ลดลงร้อยละ 27.29 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่
                                   มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                    985.69            1.76        -27.05
1.เครื่องคอมพิวเตอร์                   157.58           15.99         -9.34
2.อัญมณีและเครื่องประดับ                 59.54            6.04        -26.60
3.เสื้อผ้าสำเร็จรูป                      58.01            5.89          0.17
4.ผลิตภัณฑ์ยาง                         56.98            5.78        -12.45
5.เครื่องจักรกล                        52.70            5.35        -49.99
        อื่น ๆ                       600.89           60.96        -30.77

ข้อ 1-3 ที่มา :  menucom  กรมส่งเสริมการส่งออก

4. ประเทศสำคัญ 5 อันดับแรกที่เยอรมนีนำเข้าจากโลก ปี 2552 (ม.ค.-มี.ค.)
                             มูลค่า :          สัดส่วน %       % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม            223,419.86        100.00         -26.23
1. เนเธอร์แลนด์              25,890.68          11.59         -24.38
2. ฝรั่งเศส                  19,196.94           8.59         -25.01
3.เบลเยียม                  15,729.41           7.04         -30.18
4. จีน                      15,263.78           6.83         -15.34
5. อิตาลี                    13,517.81           6.05         -20.72
38.ไทย                    712.983.00           0.32         -22.98

5. สินค้าสำคัญ 5 อันดับแรกที่เยอรมนีนำเข้าจากโลก ปี 2552 (มค-มี.ค.)
                                   มูลค่า :          สัดส่วน %      % เพิ่ม/ลด

ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มูลค่าการนำเข้ารวม                 223,419.86         100.00        -26.23
1. เครื่องจักรกล                    28,471.82          12.74        -28.17
2. แร่และเชื้อเพลิง                  26,372.80          11.80        -35.73
3. เครื่องใช้ไฟฟ้า                   22,720.47          10.17        -29.50
4. ยานพาหนะ                      18,498.49           8.28        -35.54
5. ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม             10,654.89           4.77         -9.11

ข้อ 4 -5  ที่มา :  World Trade Atlas

4. ข้อสังเกต

จากสถิติของ WTA : World Trade Atlas ปี 2552 (ม.ค.-พ.ค.) สินค้าที่ประเทศไทยส่งออกไปเยอรมนีและมีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น 5 อันดับแรก ได้แก่

1. อาหารปรุงแต่งจากเบ็ดเตล็ด (HS.21 Miscellaneous Food) มูลค่า 8.462 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.09 โดยแบ่งเป็นสินค้า

HS. 2106 อาหารปรุงแต่งที่ไม่ได้ระบุหรือรวมไว้ที่อื่น

HS.2103 ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส

HS.2104 ซุป ซุปข้น และของปรุงแต่งสำหรับทำซุป

โดยเยอรมนีนำเข้า HS.21 จากไทยเป็นอันดับที่ 17 และนำเข้าจากจีนเป็นอันดับที่ 18 ในขณะที่การนำเข้าอันดับ 1- 3 คือ ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส

2. นาฬิกาและส่วนประกอบ (HS.91 Clock And Watches) มูลค่า 6.138 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.85 โดยแบ่งเป็นสินค้า

HS. 9102 นาฬิกาข้อมือชนิดวอตซ์อื่นๆ รวมถึงนาฬิกาจับเวลา

HS. 9101 นาฬิกาข้อมือ นาฬิกาพก นาฬิกาจับเวลาที่มีตัวเรือนทำด้วยโลหะ

HS. 9105 นาฬิกาชนิดอื่นๆ เช่นนาฬิกาปลุก

โดยเยอรมนีนำเข้า HS.91 จากไทยเป็นอันดับที่ 9 ในขณะที่นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ จีน และฝรั่งเศส เป็นอันดับที่ 1-3 ตามลำดับ

3. กากและเศษอาหาร (HS.23 Food waste : Animal Feed) มูลค่า 5.981 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.60 โดยแบ่งเป็นสินค้า

HS. 2309 ของปรุงแต่งชนิดที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์

โดยเยอรมนีนำเข้า HS.2309 จากไทยเป็นอันดับที่ 14 และนำเข้าจากจีนอันดับที่ 13 ในขณะที่นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยมเป็นอันดับที่ 1-3 ตามลำดับ

4. น้ำตาล (HS.17 Sugar) มูลค่า 3.456 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.07 โดยแบ่งเป็นสินค้า

HS. 1703 กากน้ำตาลที่เหลือจากการสกัดหรือทำน้ำตาลให้บริสุทธิ์

HS. 1701 น้ำตามที่ได้จากอ้อยหรือหัวบีตและชูโครสที่บริสุทธิ์ในทางเคมี

โดยเยอรมนีนำเข้า HS.17 จากไทยเป็นอันดับที่ 21 และนำเข้าจากจีนเป็นอันดับที่ 22 ในขณะที่นำเข้าจากฝรั่งเศส เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์ เป็นอันดับที่ 1-3 ตามลำดับ

5. เส้นใยประดิษฐ์ (HS.55 Manmade Staple Fibers) มูลค่า 3.373 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.17 โดยแบ่งเป็นสินค้า

HS. 5503 เส้นใยประดิษฐ์สังเคราะห์ที่ไม่ได้สาง

HS. 5509 ด้าย (นอกจากด้ายเย็บ)

HS. 5508 ด้ายเย็บทำด้วยเส้นใยประดิษฐ์

HS. 5516 ผ้าทอทำด้วยเส้นใยเทียม

โดยเยอรมนีนำเข้า HS.55 จากไทยเป็นอันดับที่ 23 จีน (24) เกาหลีใต้ (8) ในขณะที่นำเข้าจากเบลเยี่ยม ออสเตรีย และอิตาลี เป็นอันดับที่ 1-3 ตามลำดับ

จากข้อมูลสถิติข้างต้นจะเห็นได้ว่าจีนเป็นคู่แข่งที่เคียงคู่กับไทยมาโดยตลอดในตลาดเยอรมนี ซึ่งพิจารณาได้จากสินค้าส่งออกของไทย 5 อันดับที่มีอัตราการขยายตัวสูงขึ้น เยอรมนีจะนำเข้าทั้งจากไทยและจีนมาในอันดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้อาจแสดงโดยนัยให้เห็นว่าสินค้าประเภทดังกล่าวของไทยอาจจะมีราคาขายที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ จึงเป็นเหตุให้อัตราการขยายตัวของการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามหากผู้ประกอบการไทยจะอยู่รอดในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันการแข่งขันกันด้วยราคา ในที่สุดแล้วประเทศไทยก็มิอาจสู้จีนได้ ดังนั้นการพัฒนาสินค้าให้มีทั้งคุณภาพที่ดี รูปแบบที่สวยงามตามรสนิยมผู้ใช้ และที่สำคัญราคาต้องเหมาะสมหรือราคาถูกยิ่งดี จึงนับเป็นหัวใจหลักที่ผู้ส่งออกจะต้องให้ความสำคัญ

ข้อมูลเพิ่มเติม

หลายฝ่ายยังคงคาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในปี 2552 นี้จะติดลบที่ประมาณร้อยละ 6 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการถดถอยของเศรษฐกิจน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วในอุตสาหกรรมหลายแขนง และเริ่มมีการผลิตเพิ่มมากขึ้นได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะสินค้าอาหาร และเครื่องใช้ประจำวัน เพราะมีการจับจ่ายซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น สินค้าทุนหลายประเภทโดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาต่ำลง ส่งผลให้ดัชนีค่าครองชีพในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหน้านี้ เป็นอัตราที่ต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงไม่มีผลโดยตรงใดๆ กับเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใช้รถ ใช้ถนนต่างพยายามประหยัดการใช้น้ำมัน มีการใช้รถเท่าที่จำเป็นหรือใช้ร่วมกัน ตลอดจนถึงการใช้จักรยานแทน

ปี 2552 เป็นปีแห่งการเลือกตั้งของเยอรมนี เนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศที่ประกอบด้วยแคว้นต่างๆ รวม 16 แคว้น ซึ่งแต่ละแคว้นจะมีอิสระในการบริหารแคว้นของตนเอง ต่างมีสภาผู้แทนราษฎร กระทรวง หน่วยงานต่างๆ สามารถออกกฏหมาย ระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ เพื่อใช้ในการบริหารแคว้นได้เอง แต่ทั้งนี้ต้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญกลางของประเทศ ทำให้ในเยอรมนีจะมีการเลือกตั้งในระดับแคว้น ระดับท้องถิ่นกันบ่อยครั้งมาก ซึ่งในปี 2552 จะมีการเลือกตั้งกว่า 15 ครั้ง ได้แก่ การเลือกตั้งสภายุโรป สภาผู้แทนฯ ของแคว้นต่างๆ 4 แคว้น การเลือกตั้งของท้องถิ่น 8 แห่ง และที่สำคัญ คือ การเลือกตั้งสภาฯ ของประเทศที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 กันยายน นี้ การให้คำมั่นสัญญาต่างๆ ที่พรรคการเมืองต่างคิดว่าดี เหมาะสมและเป็นที่ต้องการของประชาชน นั้น ประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงส่วนใหญ่กลับเห็นว่า เป็นการหาเสียงเพื่อให้ได้รับเลือกเท่านั้น ท้ายที่สุดก็จะไม่รักษาคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ให้ไว้ เหล่านี้ จึงส่งผลให้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา จำนวนผู้ที่ไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งจึงลดน้อยลงมาโดยตลอด ล่าสุดในการเลือกตั้งสภายุโรปในเยอรมนี มีสัดส่วนผู้ไปออกเสียงเลือกตั้งเพียงร้อยละ 43 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ฯ ทั้งสิ้น (26.9 จากจำนวนทั้งสิ้น 62.2 ล้านคน) โดยมีพรรคการเมืองได้คะแนนเสียง ดังนี้

   พรรคการเมือง          จำนวนเสียง       สัดส่วน %      เพิ่มลด %
CDU  - EVP-ED           8.069.983         30.7         -5.9
SPD — SPE               5.471.703         20.8         -0.7
GRUNE - Grune-EFA       3.193.821      12.1+0.2
FDP - ALDE              2.887.331         11.0          4.9
DIE LINKE - GUE-NGL     1.968.325          7.5          1.4
CSU - EVP-ED            1.896.777          7.2         -0.8

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ