ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศเม็กซิโกกับผลกระทบของวิกฤติการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2008-2009

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 15, 2009 12:26 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเทศเม็กซิโก เป็นสมาชิกกลุ่มเศรษฐกิจ OECD และจัดอันดับเศรษฐกิจเป็นลำดับที่ 13 ของโลก โดยมีผลผลิตมวลรวมประชาชาติรวม 1,134 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 5 เท่าของผลผลิตมวลรวมของไทย) และมีรายได้ต่อหัวสูงสุดในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา แต่เศรษฐกิจของประเทศเม็กซิโกพึ่งพาการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นสำคัญ นั่นคือ ถึงร้อยละ 90 ของการส่งออกทั้งหมด และถึงแม้ว่าโครงสร้างของเศรษฐกิจเม็กซิโกจะได้มีการพัฒนาขั้นพื้นฐานให้เข้มแข็งขึ้นหลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินของเม็กซิโกในช่วงปี 2537-2538 โดยตลอดช่วงที่ผ่านมา พื้นฐานเศรษฐกิจของเม็กซิโกยังยังคงมีจุดอ่อนอยู่หลายประการ อันได้แก่

  • การพึ่งพาการส่งออกน้ำมันดิบเป็นรายได้สำคัญของงบประมาณแผ่นดิน การผันผวนของค่าน้ำมันที่มีผลต่อรายได้เพื่อเป็นงบประมาณแผ่นดิน ทำให้รัฐบาลเม็กซิโกประเมินรายได้และงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผิดพลาดไปจากปีที่ผ่านมา
  • แหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศอันดับสองของเม็กซิโก ได้แก่ เงินส่งกลับจากต่างประเทศ จากแรงงานที่ไปทำงานในสหรัฐฯ ย่อมลดลงในปริมาณมากเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซาลง
  • ค่าเงินของเม็กซิโกยังคงมีความอ่อนไหวต่อภาวะตลาดอย่างสูง ถึงแม้ว่าจะมีเงินสำรองระหว่างประเทศในปริมาณที่เพียงพอ อันเป็นผลให้ค่าเงินสกุลเปโซมีมูลค่าลดลงเกือบหนึ่งส่วนสามของมูลค่าเดิม โดยในช่วงปลายปี 2551 อัตราแลกเปลี่ยนตกจากที่เคยแลกได้ 11-12 เปโซต่อเหรียญฯ เป็น 15 เปโซต่อเหรียญฯ
  • ผลกระทบของการระบาดไข้หวัดหมู N1H1 โดยมีการประเมินผลเสียหายจากการปิดธุรกิจการค้าลง โดยเฉพาะร้านอาหารและหน่วยงานรัฐบาลเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ในช่วงเดือนเมษายน 2552 รวมทั้งผลกระทบต่อตลาดการท่องเที่ยวมูลค่าประมาณ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

เศรษฐกิจเม็กซิโกจึงได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินปี 2551 ที่มีต้นกำเนิดจากสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด โดยธนาคารกลางของเม็กซิโกคาดว่า เศรษฐกิจของเม็กซิโกจะหดตัวในปี 2552 ประมาณร้อยละ 5.8 ซึ่งเป็นอัตราการหดตัวของเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุด ตั้งแต่เม็กซิโกประสบวิกฤตการณ์การเงิน tequila crisis ในปี 2538 ซึ่งในปีนั้น เศรษฐกิจได้หดตัวสูงสุดที่อัตราร้อยละ 6.2 ทั้งนี้ หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจต่าง ๆ ได้ลงความเห็นในทางลบสำหรับสภาพเศรษฐกิจในอนาคตว่า ภาวะเศรษฐกิจของเม็กซิโกคงจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ก่อนไตรมาสที่สองของปี 2553 รวมทั้งรายงานจาก OEDC เองได้ประเมินอัตราการหดตัวของประเทศเม็กซิโกน่าจะลดลงถึงร้อยละ 8 ของปี 2552 ด้วยซ้ำ

โอกาสการเข้าถึงตลาดผู้บริโภคกลุ่มประเทศละตินอเมริกา 569 ล้านคน ผ่านการเจาะตลาดสำคัญของเม็กซิโก 109 ล้านคน

โดยที่เม็กซิโกได้มีนโยบายในการพัฒนาให้เป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดต่อการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากมีอุดมการณ์ส่งเสริมการค้าเสรีอย่างเข้มแข็ง นับตั้งแต่ยุคของรัฐบาลประธานาธิบดี Zedillo ที่ได้ลงนามความตกลงเขตการค้าเสรี (NAFTA) กับรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา จึงเป็นผลให้เม็กซิโกได้กลายเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่สำคัญ โดยบริษัทต่างชาติระดับโลกรายสำคัญ ๆ จากสหรัฐฯ ยุโรป อเมริกาใต้ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน ได้มาตั้งฐานการผลิตและการค้าในประเทศเม็กซิโกมาเป็นระยะเวลานานแล้ว

วิกฤตการณ์การเงินครั้งนี้ น่าจะส่งผลผลักดันให้รัฐบาลเม็กซิโกเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องค้นหาตลาดการส่งออกและนำเข้าใหม่ ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียว จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่ภาครัฐบาลของไทยและเม็กซิโก ควรเป็นฝ่ายนำภาคเอกชน ให้มีการกระจายเข้ามาสู่ตลาดใหม่ๆ ในการผลักดันให้มีการขยายปริมาณการค้าระหว่างไทยและเม็กซิโกเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการส่งเสริมการร่วมลงทุน โดยการย้ายฐานการผลิตของไทยให้มาอยู่ใกล้กับฐานผู้บริโภค นอกจากการส่งเสริมการส่งออกเพียงอย่างเดียว ควรแสวงหานักลงทุนเม็กซิกันไปลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งการชี้แนะให้นักลงทุนไทยที่พอมีกำลัง อาจพิจารณาเข้ามาซื้อกิจกรรมของเม็กซิโกในรูปแบบ merger & acquisition เพื่อปูทางเข้ามาเจาะตลาดได้ทั้ง ตลาดสหรัฐฯ ที่มีผู้บริโภคกว่า 300 ล้าน ตลาดเม็กซิโกที่มีมากกว่า 109 ล้าน และตลาดละตินอเมริกาอีกประมาณ 569 ล้านคน

ตลาดหลายขนาด กลุ่มผู้บริโภคสินค้าที่หลากหลายในประเทศเม็กซิโก

ประเทศเม็กซิโกมีประชากรจำนวนกว่า 109 ล้านคน มีรัฐและเมืองที่เป็นศูนย์กลางอุตสหากรรมหลายแห่ง และรายได้ของประชากร ที่มีความแตกต่างกันมาก ขนาดมีเศรษฐีในระดับเงินพันล้านเหรียญฯ ที่ติดอันดับโลกอยู่หลายคน และในขณะเดียวกันมีคนที่มีรายได้ไม่เพียงพอการยังชีพในแต่ละวันอีกหลายสิบล้านคน การเจาะตลาดเม็กซิโกจึงควรคำนึงการหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม โดยมีการวางแผนการตลาดที่แตกต่างกัน สำหรับ

  • ตลาดใหญ่ประเภทบริษัทข้ามชาติ ซึ่งสามารถทำการค้ากับบริษัทแม่ที่อยู่ต่างประเทศและมีเครือข่ายที่ประเทศไทย เช่น บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย
  • ตลาดที่ต้องเข้ามาร่วมกับผู้ที่มีอำนาจผูกขาดหรือต่อสู้กับผู้ที่มีอำนาจในตลาดสูง เช่น กลุ่มธุรกิจบริษัท Carso ของนาย Carlos Slim ที่เป็นบุคคลขั้นที่มีรายได้เป็นลำดับแรกๆ ของโลก
  • ตลาดชนชั้นกลาง ทั้งที่มีรายได้สูงกลุ่มหนึ่ง กับกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง ที่สามารถวางขายสินค้าได้ตามห้างสรรพสินค้า กับร้านค้าบูติกในเมืองสำคัญของเม็กซิโก
  • และ ตลาดผู้ที่มีรายได้น้อย แต่ขายได้ในปริมาณมาก ที่มีเครือข่ายการวางตลาดในหมู่ธุรกิจขนาดย่อย และมีโครงการสนับสนุนของหน่วยงานรัฐบาลรองรับที่เรียกว่า PyMEs
การท่องเที่ยวเม็กซิโก ตลาดที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับผู้นำตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มละตินอเมริกา นั่นคือ ประเทศสเปน

ภาคการท่องเที่ยวของเม็กซิโก เป็นภาคที่นำเข้ารายได้ต่างประเทศเป็นอันดับสามของประเทศรองจากน้ำมันและเงินที่ส่งกลับจากต่างประเทศ และเป็นภาคการผลิตที่มีส่วนแบ่งเป็นร้อยละ 8 ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติ จำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีประมาณ 20 ล้านคน โดยมีอัตราขยายตัวประมาณร้อยละ 3 ต่อปี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวลำดับที่ 10 ของโลก

รัฐบาลของเม็กซิโกได้เริ่มแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ปี 2513 เป็นต้นมาโดยการจัดตั้งกองทุน FONATUR (www.fonatur.gob.mx) ซึ่งดำเนินกิจการในลักษณะรัฐวิสาหกิจ และมีบทบาทในการพัฒนาเขตและเมืองการท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของเม็กซิโก เช่น ฝั่งชายทะเล Cancun, Los Cabos, Ixtapa, Loreto และอ่าว Huatulco ผู้ลงทุนต่างชาติสามารถขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนโดยตรงกับ FONATUR โดยองค์กรดังกล่าวสามารถจัดหาแหล่งลงทุนให้กับนักลงทุนในต้นทุนต่ำที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลเม็กซิโก

นอกจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในภาคการท่องเที่ยวของเม็กซิโกได้แก่ บริษัทการบินภายในประเทศสำคัญสองบริษัท คือ Mexicana และ Aeromexico และบริษัทผู้ที่ครอบครองเครือข่ายโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเม็กซิโก อันได้แก่ Grupo Posadas ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนเม็กซิกันที่มีเครือโรงแรมที่มีชื่อว่า Fiesta Americana และกลุ่ม Sol Melia ของประเทศสเปน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศ สเปนเป็นประเทศผู้ลงทุนที่สำคัญในภาคการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาทั้งหมดเป็นอันดับสองรองจากประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น

โดยธุรกิจโรงแรมที่เข้ามาแล้ว ได้แก่กลุ่มโรงแรม Banyan Tree ที่ได้เข้ามาเปิดโรงแรมในระดับสูงแล้วในเมืองชายทะเลสองแห่ง คือในเมือง Riviera Maya ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Cancun และโรงแรมที่ใกล้จะเสร็จคือเมือง Acapulco

ภาคการท่องเที่ยวของประเทศเม็กซิโก จึ่งเป็นภาคที่น่าสนใจสำหรับการขยายความร่วมมือ และการลงทุน เนื่องจากเป็นภาคที่ได้รับการส่งเสริมเป็นพิเศษ และหน่วยงานที่เป็นตัวกลางเอื้ออำนวยความสะดวกในการลงทุนดังกล่าวข้างต้น โดยมีศักยภาพเป็นสะพานเชื่อมไปยังตลาดการท่องเที่ยวของสเปนและกลุ่มละตินอเมริกาทั้งหมด

นอกจากนี้ ธุรกิจร้านอาหารไทยซึ่งแต่เดิมมีเพียง 4 ร้านในประเทศเม็กซิโก โดยในปี 2552 นี้ ได้มีร้านที่เปิดและกำลังมีกำหนดจะเปิดเพิ่มขึ้นรวมอีก 3 ร้าน จะทำให้มีร้านอาหารไทย รวมทั้งสิ้นจำนวน 7 ร้านและส่วนใหญ่ล้วนเป็นร้านที่เปิดในระดับสูงเกือบทั้งสิ้น

สินค้าไทยที่มีศักยภาพเจาะเข้าตลาดเม็กซิโกได้เพิ่มขึ้น
  • ตลาดการส่งออกข้าวหอมมะลิ ไปยังประเทศเม็กซิโก ยังพอมีช่องทางขยายตัวได้อีกมาก ถึงแม้ว่าเม็กซิโกจะมีความสามารถในการผลิดข้าวได้เอง และนิยมการบริโภคข้าวแบบ American Long Grain ที่แข็งกว่าข้าวหอมมะลิ และลักษณะการปรุงแต่งอาหารเม็กซิกันจะเหมาะกับข้าว long grain มากกว่า แต่รสนิยมของชนชั้นกลาง ที่ได้เดินทางไปต่างประเทศเริ่มรับรสนิยมการบริโภคใหม่ ๆ เห็นได้จากการที่ร้านอาหาร ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และเปรู ได้รับความนิยมสูงในขณะนี้

อุปสรรคที่ต้องฟั่นฝ่า สำหรับตลาดข้าวไทย ได้แก่ มาตรฐานสุขลักษณะที่กำหนดให้มีการรมควันฆ่าแมลงและมอดถึง 2 ครั้ง อันเป็นผลทำให้ผู้นำเข้าข้าวสหรัฐฯได้เปรียบกว่า และผลกำไรเป็นของผู้นำเข้าสหรัฐฯ มากกว่าผู้นำเข้าเม็กซิโกโดยตรง ดังนั้น ผู้ส่งออกข้าวไทยมายังตลาดข้าวเม็กซิโก จึงควรได้รับการกระตุ้นให้เห็นศักยภาพของตลาดเม็กซิโกเป็นพิเศษ และควรได้รับการชี้แนะและความช่วยเหลือจากกรมส่งเสริมการส่งออกในการแสวงหาผู้ที่สนใจตลาดข้าวเม็กซิโกอย่างใกล้ชิด

  • การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร รวมทั้งการบรรจุภัณฑ์ มีลู่ทางการขยายตลาดใหม่ โดยประเทศเม็กซิโกไม่สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเปิดการค้าเสรี ได้ละเลยการลงทุนในภาคการเกษตร อุตสหกรรมการเกษตร การเพาะปลูกผักและผลไม้ ล้วนแต่ไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง เป็นผลให้เกษตรกรรายเล็กค่อย ๆ หายตัวไป ภาคการเกษตรจึงเป็นภาคที่เหมาะกับการลงโดยพ่อค้านักลงทุนไทยที่มีประสบการณ์การตลาดที่กว้างขวางที่ประสงค์จะหาตลาดใหม่

ในเขต Yucatan และ Chiapas ซึ่งเป็นภาคใต้ของประเทศเม็กซิโก มีลักษณะภูมิอากาศเหมือนประเทศไทย มีศักยภาพการผลิตผักและผลไม้เมืองร้อน โดยขณะนี้ ผลไม้นอกเหนือจากมะม่วงพันธุ์ท้องถิ่นและพันธุ์ฟิลิปปินส์แล้ว ผลผลิตผลไม้จากลิ้นจี่ และเงาะกำลังเริ่มมีผลออกมามากขึ้น โดยสามารถผลิตเพื่อส่งขายภายในประเทศที่ค่อยข้างใหญ่ของเม็กซิโกแล้ว ยังสามารถผลิตเพื่อการส่งออกไปยังตลาดสำคัญในสหรัฐฯ ที่ได้รับสิทธิทางภาษีตามเขตการค้าเสรี NAFTA และเพื่อเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศอเมริกากลางที่มีชายแดนเชื่อมโยงได้ทางถนน อันได้แก่ ประเทศกัวเตมาลา เอลซาวาดอร์ คอสต้าริกา ฮอนดูรัส นิคารากัว ปานามา และเบลิซ อีกทั้ง สามารถเป็นหัวหอกการเจาะเข้าตลาดอเมริกาใต้ ที่มีความสัมพันธ์ ที่มีวัฒนธรรม รสนิยมใกล้ชิดกับของเม็กซิโก เนื่องจากใช้ภาษาเสปนร่วมกัน และมีความตกลงการค้าร่วมกันหลายรูปแบบ

  • ภาคสินค้าอื่น ๆ ที่ศักยภาพสำหรับการส่งออก หรือร่วมลงทุนระหว่างไทยและเม็กซิโก ได้แก่ ภาคการสำรวจขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งการบริการอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ภาคอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอุปกรณ์ อะไหล่และเครื่องยนต์ สำหรับรถยนต์โดยสารและรถบรรทุกขนาดย่อม รวมทั้ง เครื่องจักรระดับกลาง เช่นเครื่องจักรการเกษตร เครื่องจักรสิ่งทอ เครื่องจักรอุตสาหกรรมพลาสติก ภาวะวิกฤตการณ์เศรษฐกิจครั้งนี้ มีผลทำให้ผู้ที่ไม่สามารถแข่งขันได้เริ่มขายโรงงาน จึงทำให้มีโอกาสการเข้ามาซื้อกิจกรรมที่ดำเนินงานมาก่อนแล้ว ซึ่งเป็นวิธีการทางลัดในการเข้าหาลูกค้า ซึ่งธุรกิจเดิมมีอยู่แล้ว การลงทุนไม่ต้องเริ่มต้นจากการก่อสร้างโรงงานใหม่
  • กิจการขนาดกลางและย่อม รวมทั้งแฟรนไชส์ เป็นตลาดที่น่าใจโดยในขั้นแรก น่าจะมีตัวแทนไทยมาร่วมงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นในเม็กซิโก เช่น งานแสดงเครื่องเขียน (stationary) เครื่องเรือน และงานแสดงสินค้าของขวัญของชำร่วย
ปัญหาอุปสรรคต่อการเจาะตลาด

ในระดับความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ ยังขาดความสัมพันธ์อันความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับเม็กซิโก ยกตัวอย่างเช่น การขาดความตกลงการเก็บภาษีซ้อน การไม่มีการเปิดช่องทางการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับเม็กซิโก ไม่มีหอการค้าทวิภาคี นักธุรกิจไทยมองข้ามการเดินทางมาประเทศเม็กซิโก ทั้ง ๆ ที่เป็นตลาดที่ใกล้ชิดกับและสำคัญสำหรับสหรัฐฯ

ในระดับธุรกิจ ปัญหาหลัก คืออุปสรรคด้านภาษา เนื่องจากประเทศเม็กซิโกใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก การกระตุ้นให้นักธุรกิจไทย มีความสนใจ ระดมหาบุคคลากรที่ความถนัดด้านภาษาสเปน จะเป็นการวางรากฐานเพื่อเข้าถึงตลาดใหญ่ที่นับวันจะเพิ่มความสำคัญในอนาคต แม้กระทั่งประเทศจีนเอง ก็เข้ามาหา ช่องทางธุรกิจในประเทศเม็กซิโกและกลุ่มละตินอเมริกา นักธุรกิจไทยจึงอาจใช้ฐานของธุรกิจของจีนที่ได้เข้ามาในตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงนี้ได้

อุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณา ได้แก่ กฏระเบียบที่สลับซับซ้อนและหลากหลายที่ต้องสร้างความคุ้นเคยใหม่ เนื่องมีกฎหมายทั้งในระดับชาติและระดับรัฐฯ สร้างความจำเป็นต้องมีการร่วมลงทุนกับนักธุรกิจเม็กซิกัน หรือต้องจ้างบริษัทเม็กซิกันเป็นตัวกลางการค้าการลงทุน ในทั้งในระดับธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อให้มีผลทางการเมือง และในระดับธุรกิจขนาดกลางและย่อมเพื่อเข้าตลาดได้อย่างกว้างขวาง

แผนรองรับของ สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ กรุงเม็กซิโก

สคต. ณ กรุงเม็กซิโก ได้จัดทำการแปลเอกสารส่งเสริมการค้า และเอกสารเผยแพร่งานแสดงสินค้าหลัก ๆ ของไทยเป็นภาษาสเปนเป็นประจำ และในปีนี้ได้ จัดทำวีดีโอการแสดงการทำอาหารไทย และแปลตำราอาหารไทยเป็นภาษาสเปน เพื่อการเผยแพร่ทั้งในประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง นอกจากนี้แล้ว ได้ร่วมมือทางการตลาดกับผู้ซื้อขนาดใหญ่ของเม็กซิโกจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย joint promotion กับห้างสรรพสินค้าสำคัญ ๆ รวมทั้งการจัดคณะนักธุรกิจเม็กซิโกเดินทางไปเยือนและสั่งซื้อสินค้าโดยตรงในงานแสดงสินค้าที่เมืองไทย การเดินสายไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสการนำเข้าจากเมืองไทยโดยตรงต่อนักธุรกิจในประเทศเม็กซิโก ณ เมืองพัวบลา มอนทอเร่ และชิวาว่า และในกลุ่มละตินอเมริกากลาง ได้แก่ ประเทศคอสตาริก้า ประเทศกัวเตมาลาและประเทศเบลิซ การจัดทำคูหา information stand ในงานแสดงสินค้าในเม็กซิโกที่สำคัญ ได้แก่งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ Expo Joya งานแสดงสินค้าเสื้อผ้า Intermoda และตามรัฐต่าง ๆ ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสำคัญ ๆ อันได้แก่ รัฐ Guadalajara ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ รัฐ Puebla และ Vera Cruz ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมสิ่งทอ และรัฐ Oaxaca และ Chaipas ซึ่งเป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นต้น

ทั้งนี้ในเดือนกรกฎาคม 2552 สำนักงานฯ ได้หารือกับกลุ่มผู้ปลุกผลไม้เมืองร้อนในจังหวัดวาฮ่าก้า Oaxaca ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศของเม็กซิโก ที่ได้เริ่มมีการเพาะปลูกผลไม้ ประเภทลิ้นจี่และเงาะแล้ว และมีความสนใจในการพัฒนาสายพันธุ์การเพาะปลูกกับไทย ตลอดจนความสนใจที่จะเดินทางไปพบกับนักธุรกิจไทยเพื่อซื้อเครื่องจักรสำหรับการเกษตรและระบบภาคการผลิต ซึ่งฝ่ายไทยอาจจะสนใจเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนในประเทศเม็กซิโก ซึ่งสำนักงานฯ จะได้รายงานในเรื่องดังกล่าวในโอกาสต่อไป

และท้ายสุด สำนักงานฯ ได้มีการดำเนินการโฆษณาประชาสัมพันธ์กิจกรรมในประเทศไทยได้แก่ งานแสดงสินค้าในประเทศไทย และกิจกรรมของนักธุรกิจไทยที่ได้เข้าร่วมงานฯ ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ได้แก่ การแลกหน้าโฆษณาในหนังสือ fair catalog ในรูปแบบต่างตอบแทนกับงานแสดงสินค้าของขวัญของชำร่วย Espacio Regalo ของเม็กซิโก (www.espaciosalpro.com) กับงานฯ BIG & BIH ของไทย

การโฆษณาในสื่อสารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ด้านเศรษฐกิจในประเทศเม็กซิโก โดยในมีการลงโฆษณาในเวปเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ Soy Entrepreneur (www.soyentrepreneur.com) และเวป Altonivel (www.altonivel.com.mx) และในเวปของประเทศคอสตาริกา ซึ่งครอบคลุมประเทศในภูมิภาคอเมริกากลางของ Summa News (www.summanews.com) อีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเม็กซิโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ