ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายนของ ปี 2552 ออสเตรเลียเข้าจากทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 69,346 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา การนำเข้าจากไทยลดลงร้อยละ 14.42 คิดเป็นมูลค่านำเข้า 3,724 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยครองตลาดเป็นลำดับที่ 5 มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 5.37 เป็นรองจากจีน (17.05%) สหรัฐฯ (11.77%) ญี่ปุ่น (8.14%) สิงคโปร์ (5.68%) ตามลำดับทั้งนี้ อัตราการขยายตัวของการนำเข้าจากประเทศอื่นใน 20 อันดับแรกเป็นลบทั้งสิ้น ได้แก่ จีน (-13.85 %) สหรัฐฯ (-31.36%) ญี่ปุ่น (-40.78%) สิงคโปร์ (-49.07%) เยอรมัน (-26.74%) มาเลเซีย (-34.59%) สหราชอาณาจักร (-40.06%) เกาหลีใต้ (-19.95%) และนิวซีแลนด์ (-35.01%) เป็นต้น
ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายนของปี 2552 สินค้านำเข้าสำคัญจากไทยกลายเป็นสินค้าในหมวดอัญมณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,111 ล้านเหรียญฯ หรือร้อยละ 29.85 อันดับสองได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (พิกัด 84) ซึ่งสินค้าสำคัญในหมวดนี้ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องกรองฯ (centrifuge) เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ และชิ้นส่วน มีมูลค่านำเข้าในหมวดนี้ 784 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.07 ของการนำเข้าจากไทยทั้งหมด มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 77.63 อันดับต่อมาได้แก่ ยานยนต์ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 762 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 20.46 ของการนำเข้าจากไทยทั้งหมด อัตราการนำเข้าหดตัวลงถึงร้อยละ 57.28 อันดับต่อมาได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (พิกัด 85) โดยออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นมูลค่า 139 ล้านเหรียญฯ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.76 ของการนำเข้าจากไทยทั้งหมด มีการหดตัวลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 7.07
ส่วนกลุ่มอาหาร มีหมวดผลิตภัณฑ์ปลา/อาหารทะเลแปรรูป (พิกัด 16) และข้าวเป็นสินค้านำเข้าสำคัญ โดยการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปลา/อาหารทะเลแปรรูป และข้าว มีการหดตัวในอัตราร้อยละ 11.18 และร้อยละ 16.41 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ไทยเป็นตลาดสำคัญอันดับ 10 ของออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับร้อยละ 2.06 ของการส่งออกทั้งหมดของออสเตรเลียไปยังตลาดโลก (มูลค่า 72,842 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) หดตัวลงร้อยละ 34.96 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดหลักของออสเตรเลียยังคงเป็นจีน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ อินเดีย สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ตามลำดับ
สินค้าส่งออกหลักของออสเตรเลีย (ร้อยละ 65 ของการส่งออกทั้งหมด) ได้แก่ แร่ธาตุ และเชื้อเพลิง อาทิ ถ่านหิน แร่เหล็ก ทองคำ น้ำมันและแก๊ส อลูมิเนียม แร่ทองแดง เป็นต้น
ในส่วนของสินค้าที่ส่งออกไปไทยส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดแร่ธาตุและเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่ ทองคำ น้ำมันดิบ อลูมิเนียม สินค้าประเภทยา และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ตามมาด้วย ทองแดง และ ข้าวสาลี สำหรับนม/ครีมมีเพียงร้อยละ 1.47 โดยไทยนำเข้าจากออสเตรเลียลดลงร้อยละ 48.64 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ออสเตรเลียได้ดุลการค้ากับทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 3,496 ล้านเหรียญฯ นับเป็นการได้ดุลของออสเตรเลียครั้งแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากหลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศที่ออสเตรเลียได้ดุลการค้าด้วยมากที่สุด ได้แก่ญี่ปุ่น 8.8 พันล้านเหรียญฯ อินเดีย 4.3 พันล้านเหรียญฯ จีน 3.7 พันล้านเหรียญฯ เกาหลีใต้ 3.4 พันล้านเหรียญฯ และสหราชอาณาจักร 1.9 พันล้านเหรียญฯ
ในขณะเดียวกัน ออสเตรเลียขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ กว่า 4.7 พันล้านเหรียญฯ เยอรมนี 3 พันล้านเหรียญฯ ไทย 2.2 พันล้านเหรียญฯ สิงคโปร์ 2.1 พันล้านเหรียญฯ และมาเลเซีย 1.4 พันล้านเหรียญฯ โดยไทยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2551 ร้อยละ 8.76
(1) หมวดสินค้าอุตสาหกรรม
- ยานยนต์ ในหมวดนี้โดยรวม ออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 3 โดยมีประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง และเยอรมันเป็นอันดับ 2 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 52 ออสเตรเลียนำเข้าสินค้ายานยนต์เป็นมูลค่า 6,194.8 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 51.39 คู่แข่งสำคัญของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น เยอรมนี สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ โดยในหมวดสินค้ารถบรรทุกปิกอัพ (HS 8704) ออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 1 มีมูลค่าการนำเข้า 510.19 ล้านเหรียญฯ ลดลงร้อยละ 52.12 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนตลาดที่ร้อยละ 44.84 ในขณะที่ หมวดสินค้ารถยนต์ส่วนบุคคล (HS 8703) ออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 4 เป็นมูลค่า 191.33 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 68.54 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนตลาดที่ร้อยละ 5.63 ประเทศคู่แข่งสำคัญของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่น เยอรมนี เกาหลีใต้ และแอฟริกาใต้
- เครื่องปรับอากาศ (HS 8415) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ออสเตรเลียนำเข้าสินค้านี้ทั้งสิ้น 238 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 25.67 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ประเทศคู่แข่ง ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์และมาเลเซีย โดยออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่หนึ่ง มีมูลค่ารวม 98.91 ล้านเหรียญฯ ลดลงร้อยละ 24.53 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมีสัดส่วนตลาดสูงถึงร้อยละ 41.51
- ชิ้นส่วนยานยนต์ (HS : 8708) ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ จีน เยอรมนี เม็กซิโก เกาหลีใต้ ฝรั่งเศสสวีเดน และไต้หวัน โดยออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ห้า มีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ร้อยละ 7.12 และรวมเป็นมูลค่า 47.87 ล้านเหรียญฯ โดยมีอัตราหดตัวจากปีที่แล้ว ถึงร้อยละ 44.49 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ออสเตรเลียนำเข้าสินค้านี้ทั้งสิ้น 672 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 42.48 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
(2) หมวดสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรม
- เนื้อปลาที่ผ่านการแปรรูปแล้ว (HS : 1604) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 ออสเตรเลียนำเข้าสินค้านี้ทั้งสิ้น 153.81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 13.22 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ไทยเป็นผู้ครองตลาดอันดับหนึ่ง รวมเป็นมูลค่า 50 ล้านเหรียญฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 14.73 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมีสัดส่วนตลาดร้อยละ 55.81 คู่แข่งที่สำคัญของไทยได้แก่ สหรัฐฯ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย และแคนาดา เป็นต้น
- ข้าวสาร(HS 1006) ระหว่างเดือนม.ค.-มิ.ย. 52 ออสเตรเลียนำเข้าจากไทยเป็นอันดับหนึ่ง รวมเป็นมูลค่า 42.40 ล้านเหรียญฯ มีสัดส่วนตลาดร้อยละ 54.79 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 16.41 ตามด้วย สหรัฐอเมริกา ปากีสถาน อินเดีย และสเปน โดยออสเตรเลียนำเข้าสินค้านี้ทั้งสิ้น 77.39 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าลดลงร้อยละ 6.29 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ออสเตรเลียนำเข้าข้าวจากทุกประเทศลดลง ยกเว้นสหรัฐ สเปน และเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ข้าวที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา และสเปนทั้งหมดเป็นข้าวเมล็ดสั้น-กลางส่วนเวียดนามแม้ว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่ก็มีมูลค่านำเข้าเพียง 0.98 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 31.96
- กุ้ง (Crustaceans-HS 0306) ในเดือนม.ค.-มิ.ย. 52 ออสเตรเลียนำเข้ากุ้งทั้งหมดคิดเป็นมูลค่า 46.85 ล้านเหรียญฯ ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 3.7 โดยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับสองเป็นมูลค่า 9.6 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 1.61 โดยนำเข้าจากจีนเป็นอันดับ 1 เป็นมูลค่า 11.3 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 24.55 อันดับสามได้แก่เวียดนาม เป็นมูลค่า 7.9 ล้านเหรียญฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 14.71 ตามด้วยมาเลเซีย เป็นมูลค่า 7.18 ล้านเหรียญฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 41.12
โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์
ที่มา: http://www.depthai.go.th