“ส่งออก” จับมือ “GTZ” ดันสินค้าเกษตรเจาะตลาดยุโรป

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 10, 2009 10:51 —กรมส่งเสริมการส่งออก

กรมส่งเสริมการส่งออก ร่วมมือกับ สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย โดยในช่วง 7 เดือนแรกขอปี 2552 ส่งออกไปสหภาพยุโรปแล้วมูลค่ากว่า 9,800 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการส่งออก โดยนายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออกกับ มร.เดวิด โอเบอร์ฮูเบอร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) ประจำประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทย โดยจัดทำโครงการนำร่องเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ กุ้งเกษตรอินทรีย์ ผักผลไม้ที่ได้รับใบรับรองมาตรฐาน Thai GAP ซึ่งเป็นมาตรฐานเทียบเท่า Global GAP เพื่อให้สามารถส่งออกไปยังสหภาพยุโรปได้ โดยเฉพาะผักผลไม้เกษตรอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์กระดาษสา นอกจากนี้จะดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ส่งออกไทยและเพิ่มช่องทางในการเผยแพร่และจำหน่ายสินค้าไทยในต่างประเทศ โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรจากร้อยละ 17 ให้ได้ร้อยละ 19 ภายในปี 2552

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า “จากสถานการณ์การส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ภาครัฐจึงได้มีแผนเร่งฟื้นฟูการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มในประเทศมากเป็นอันดับหนึ่ง โดยไทยส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรในปี 2551 คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 31,853 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคม 2552 ส่งออกคิดเป็นมูลค่าถึง 14,844 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ กรมฯ จะร่วมมือกับ GTZ ในการเข้าไปช่วยเหลือด้านการทำตลาดต่างประเทศ ต่อยอดให้กับกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาสินค้าให้มีความพร้อมออกสู่ตลาดต่างประเทศมาแล้วในระดับหนึ่งจาก GTZ ซึ่งทำให้สามารถขยายฐานจำนวนผู้ประกอบการส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้สามารถเพิ่มมูลค่าและปริมาณการส่งออกของไทยได้ในอนาคต”

ทั้งนี้ กิจกรรมสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วยการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ การจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อสร้างเครือข่ายและเพิ่มช่องทางการค้าการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าส่งออกของไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ต้องประสบปัญหาเรื่องสารตกค้างทำให้ไม่สามารถส่งออกได้ อีกทั้งการส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organic) จะเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับสินค้าเกษตรส่งออกของไทยโดยรวม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าเกษตรส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย การจัด In-Store Promotion ร่วมกับห้างสรรพสินค้าในยุโรป และญี่ปุ่น เพื่อแนะนำสินค้ากุ้งและผักผลไม้เกษตรอินทรีย์จากประเทศไทย เป็นต้น โดยในปี 2551 ไทยส่งออกไปยังสหภาพยุโรปคิดเป็นมูลค่า 23,392 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วง 7 เดือนแรกขอปี 2552 ส่งออกไปสหภาพยุโรปแล้วมูลค่ากว่า 9,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการส่งออกไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป คิดเป็นมูลค่า 1,421 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงมกราคมถึงกรกฎาคม 2552

ส่วน มร.เดวิด โอเบอร์ฮูเบอร์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน (GTZ) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “GTZ ยินดีที่ได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการส่งออกในการดำเนินกิจกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าด้านการส่งออกสินค้าเกษตรและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย เนื่องจากมี ความสอดคล้องกับโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในอุตสาหกรรมการเกษตรที่ GTZ ดำเนินงานอยู่ในประเทศไทย และเห็นว่าการส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรมีความสำคัญ เพราะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทย ดังนั้นหากสินค้าเกษตรของไทยมีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาดก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทยได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ตลาดที่เป็นเป้าหมายหลักของความร่วมมือกันในครั้งนี้ ได้แก่ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ล้วนแต่ต้องการสินค้าทางการเกษตรและเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง แม้ว่าอาจจะประสบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ดังนั้น หากประเทศไทยสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และมาตรฐานได้ตรงตามความต้องการก็จะทำให้ผู้ประกอบการมีตลาดรองรับสินค้าที่ผลิตได้อย่างต่อเนื่อง”

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ