ตลาดอียูปี 53 โต 10% รับกระแสฟุตบอลโลก สิ่งแวดล้อม ผู้สูงอายุ ด้านตลาดตะวันออกกลางโตไม่น้อยกว่า 5% ชี้ภาครัฐหนุนลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตฯก่อสร้างทำเงินสะพัด ส่งผลให้มีกำลังซื้อกลับคืน หนุนลงทุน สปา -บริการด้านสุขภาพ
นายปิลัณ พานิชศุภผล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดเผยภายในงาน"Expor t Clinic" หรือการเจาะตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จ โดยนำทูตพาณิชย์กว่า 60 คนจาก 8 ภูมิภาคทั่วโลกมาให้คำปรึกษา ตอบข้อซักถามและร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการกว่า 1,000 ราย ว่า ตลาดตะวันออกกลาง(15 ประเทศ)ส่งออกทั้งปี52 จะขยายตัวติดลบ 14% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว10เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว อย่างไรก็ตามเชื่อว่า การส่งออกในปี 2553 ตลาดตะวันออกกลางจะขยายตัวได้ 5% เนื่องจากยังเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง จากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลง ประกอบภาครัฐยังส่งเสริมกิจการการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ให้ดำเนินการต่อเนื่องหลังจากที่ชะลอตัวลงในปีนี้ ส่งผลให้เงินทุนจากต่างประเทศยังคงไหลกลับเข้ามาลงทุนในช่วง 2-3 ปี
“อุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นหน่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของภาคธุรกิจ ดังนั้นเมื่อมีการลงทุนและการก่อสร้างขนาดใหญ่จะทำให้มีเงินสะพัด ไหลเวียนจำนวนมหาศาลกลับมาเช่นเดิม ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น รายได้ประชากรก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” นายปิลัณ กล่าว
สำหรับธุรกิจที่มีโอกาสทางธุรกิจดี ได้แก่ธุรกิจบริการ ประเภทสปา บริการเพื่อสุขภาพ เนื่องจากประชาชนเมื่อมีรายได้สูงย่อมจะต้องการความสะดวกสบาย ผ่อนคลาย ห่วงเรื่องสุขภาพอนามัย ประกอบกับการลงทุนไม่สูงมากนักจึงน่าจะมีลู่ทางที่ดี การตอบรับนักลงทุนเอเซียของกลุ่มประเทศตะวันออกกลางจะดีกว่าชาวตะวันตก พร้อมกันนี้มีการแก้ไขกฎระเบียบการนำเข้าส่งออกที่เป็นมาตรฐานสากลมากขึ้น
นาย ศิวะลักษณ์ นาคาบดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย กล่าวว่า คาดว่าปีหน้า การส่งออกมาซาอุฯจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากแนวโน้มราคาน้ำมันมีแนวโนมสูงขึ้น ส่วนปีนี้คาดว่าการส่งออกทั้งปีจะขยายตัว 0-3% เนื่องจากในช่วงปลายปีจะมีพิธีฮัจญ์และเทศกาลปีใหม่ รายได้จากราคาน้ำมันที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอยู่ในระดับ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่การขออนุญาตในตลาดดังกล่าวค่อนข้างยาก จึงแนะนำให้ผู้ที่จะดำเนินธุรกิจควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้า หรือ นิทรรศการที่จัดขึ้นปีละกว่า 10 ครั้งและใช้นักธุรกิจชายจะสะดวกกว่าผู้หญิง
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร กล่าวว่า สหภาพยุโรป(อียู) 15 ประเทศ ส่วนใหญ่ฟื้นตัวแล้ว แต่ยังมีอังกฤษกับสเปนที่ยังมีอัตราว่างานของคนหลายล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้ฝึกอบรมผู้ว่างงานเหล่านี้ไว้รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าการส่งออกของไทยในปี 2553 จะขยายตัวมากกว่า 10% เนื่องจากการอัดฉีดภาคการเงินของรัฐบาลกลุ่มอียูเห็นผล ทำให้กำลังซื้อจะกลับมา ประกอบกับเป็นโอกาสอันดีที่จีนประสบปัญหาการร้องเรียนจากผู้บริโภคในกลุ่มอียูในเรื่องสินค้าไม่ได้มาตรฐาน มีผลถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขอนามัยและการใช้แรงงานเด็ก ทั้งนี้ภายใน 5 ปีข้างหน้า จะมีกระแสตลาดสำคัญ ประกอบด้วย 1.กระแสกีฬาฟุตบอลโลกที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ 2.จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น โดยอีก 10 ปีข้างหน้า 40% จะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 3.รักษ์สุขภาพ เช่น โรคอ้วน ซึ่งควรจะมีการทำวิจัยและพัฒนาเรื่องสินค้าเพื่อสุขภาพในเชิงลึกให้ผู้บริโภคได้รับรู้สรรพคุณของผลิตภัณฑ์ เป็นต้น 4.สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การตอบรับการใช้คาร์บอนเครดิตเพิ่มมากขึ้น สินค้าใช้ซ้ำหลายๆ ครั้ง(รีนิวรีไซเคิล) เป็นต้น
“7 เดือนแรกของปีนี้ที่ ไทยส่งออกไปยังอียู ติดลบไม่ต่ำกว่า 20% แต่คาดว่าทั้งปีนี้จะติดลบ 10-15% จากปีก่อน แต่ปี 2553 ตั้งเป้าว่าการส่งออกของไทยไปอียูจะเพิ่มขึ้นเป็นบวก 10% โดยสินค้าที่น่าจะส่งออกมากขึ้นในอนาคต คือ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับกีฬา เพราะอังกฤษจะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกใน ค.ศ.2012”น.ส.บรรจงจิตต์
ที่มา: http://www.depthai.go.th