“อลงกรณ์”เผยรัฐบาลตั้งเป้าผู้นำโลจิสติกส์อาเซียน เตรียมงบ 3 แสนล้าน พัฒนาระบบโลจิสติกส์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 17, 2009 11:17 —กรมส่งเสริมการส่งออก

นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวในงานไทยแลนด์ โลจิสติกส์ แฟร์ 2009 ว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญระบบโลจิสติกส์เป็นอย่างมาก โดยได้ตัดสินใจกู้เงินครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็ง โดย 1 ใน 4 เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่และเป็นการลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกต์ของประเทศให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบรางรถไฟ ปรับปรุงถนนเป็น 4 ช่องจราจร

“ปีนี้จะใช้เงินลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท ทั้งนี้ไม่รวมโครงการที่ลงทุนโดยภาคเอกชน โดยตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน มีการลงทุนเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ของประเทศไปสู่ตลาดการค้าอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศไทยพึ่งพาการส่งออกถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์มีสัดส่วนถึง 18.9% จึงจำเป็นที่ไทยต้องเร่งพัฒนาการบริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุน ขณะเดียวกันต้องเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจการค้าและอุตสาหกรรม เพื่อการแข่งขันในตลาดโลก"นายอลงกรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน(อาเซียนซัมมิต) เดือน 23 - 25 ตุลาคมนี้ ที่ชะอำ-หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไทยจะเสนอโครงการปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งในอาเซียนใน 3 โครงการ โดยโครงการเร่งด่วนที่จะปรับปรุงเป็นเส้นทางแรก คือ การก่อสร้างถนน 4 เลน ใน อ.บ้านเก่า จ.กาญจนบุรี ไปท่าเรือน้ำลึกทวาย วงเงินก่อสร้าง 2,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขอใช้เงินจากกองทุนอาเซียน-จีนทั้งนี้ถนนสายดังกล่าวจะเป็นเส้นทางการค้าแห่งใหม่ และเป็นประตูสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งสินค้าที่จะไปยังอินเดีย บังคลาเทศ และปากีสถาน(บิมสเทค)

ส่วนอีก 2 โครงการ ที่จะเสนอขอใช้เงินกองทุนเดียวกันนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาข้อมูลคาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนการเริ่มประชุม คือ เส้นทางอาร์ 3 กรุงเทพฯ-เชียงราย ผ่านลาว พม่า เข้าจีนตอนใต้ที่มณฑลหยุนหนัน กับเส้นทางอาร์ 12 กรุงเทพฯ-นครพนม ข้ามแม่น้ำโขงไปท่าแขก ของลาว กรุงฮานอยของเวียดนาม และต่อเส้นทางหลวงเมืองหลักเซิน ผ่านมืองผิงเสียงของกวางสี ของจีน แล้วตรงไปยังนครหนานหนิงซึ่งทั้ง 3 เส้นทางถือเป็นประตูของกลุ่มอาเซียน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ