"ส่งออก" จับมือ “กลุ่มธุรกิจบันเทิงไทย” จัดงาน "มหกรรมบันเทิงไทย52" หวังสร้างธุรกิจดันตลาดบันเทิงไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 21, 2009 09:09 —กรมส่งเสริมการส่งออก

"ส่งออก" จับมือ “กลุ่มธุรกิจบันเทิงไทย” จัดงาน "มหกรรมบันเทิงไทย52" หวังสร้างธุรกิจดันตลาดบันเทิงไทย สู่ตลาดโลก

"กรมส่งเสริมการส่งออก" รุกจัดงาน "มหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย 52 หรือ Thailand Entertainment Expo 09" ขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนอุตสาหกรรมบันเทิงไทย 16-20 กันยายนนี้ ณ พารากอน ฮอล์ล หวังกระตุ้นการลงทุนและสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศด้านธุรกิจบันเทิง รวมทั้งดึงต่างชาติใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำหนัง โกยเงินเข้าประเทศ ด้านสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยและ TACGA พร้อมใจดันสยามเมืองยิ้มเป็นหนึ่งในแผนที่โลกของผู้จัดงาน มั่นใจสามารถขยายตลาดแอนิเมชั่นมูลค่า 5-6 พันล้าน เติบโตต่อเนื่อง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกได้จับมือกับหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มธุรกิจบันเทิงภาคเอกชน อาทิ สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ,สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย,สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย, สมาคมแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟฟิคแห่งประเทศไทย (TACGA) ฯลฯร่วมจัดงาน "Thailand Entertainment Expo 2009" หรือ "งานมหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ครั้งที่ 2 " ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-20 กันยายน2552 ที่พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยวันที่ 16-17 กันยายน 2552 เป็นวัน Trade Days และในวันที่ 18-20 กันยายน 2552 จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยในการเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมบันเทิงในเอเชียรวมทั้งยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนและกระตุ้นให้ผู้ซื้อ ผู้ลงทุนจากนานาชาติเกิดความสนใจในธุรกิจบันเทิงของประเทศไทยให้มากยิ่งขึ้น ทั้งงานภาพยนตร์ โทรทัศน์วิทยุ งานโฆษณา มัลติมีเดีย และการ์ตูนแอนิเมชั่น พร้อมทั้งผลักดันให้เกิดการซื้อขายลิขสิทธิ์ต่างๆ ขยายไปยังตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก

"ปีที่แล้วถือเป็นปีแรกของการจัดงานมหกรรมอุตสาหกรรมบันเทิงไทย โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวน 74 บริษัท 147 คูหาและมีผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 16,785 คน มีเงินหมุนเวียนจากการสั่งซื้อในงานประมาณ12 ล้านเดอลล่าสหรัฐ และมีมูลค่าการซื้อขายใน 1 ปี ประมาณ 79 ล้านดอลล่าสหรัฐ ซึ่งปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมบันเทิงไทยสามารถขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนได้ เป็นการแสดงศักยภาพให้ทั้งผู้ผลิตและผู้สร้างจากต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงานได้เห็น หลังจากนั้นจะก่อให้เกิดการร่วมลงทุนและสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศทางธุรกิจบันเทิง รวมถึงความร่วมมือการพัฒนาด้านเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ จากศักยภาพของธุรกิจบันเทิงไทย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสื่อบันเทิงต่างๆอาทิ ภาพยนตร์ ละคร หรือการให้บริการทางด้านบันเทิง เช่น บริการก่อนการผลิต(Pre-production) บริการการผลิต(Production) บริการหลังการผลิต(Post-production) ตลอดจนการให้บริการแก่กองถ่ายต่างประเทศ ที่เข้ามาใช้สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยสามารถพัฒนาให้เกิดการจ้างงานและเกิดธุริกจต่อเนื่องในอุตสาหกรรมบันเทิงได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำเข้าเงินตราจากต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออกจึงให้การสนับสนุนและส่งเสริมนักธุรกิจไทย ให้มีการส่งออกผลงานไปยังต่างประเทศมากขึ้น และยังกระตุ้นให้นักธุรกิจต่างชาติสนใจผลงาน และเข้ามาใช้บริการธุรกิจบันเทิงในประเทศไทยมากขึ้นเช่นกัน

“ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ด้วยผู้คนที่เปิดกว้างต่อการรับเอาสื่อบันเทิงทุกรูปแบบพร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมความบันเทิงกันอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ประเทศไทยและบุคลากรในอุตสาหกรรมบันเทิงของไทย สามารถพัฒนาและต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงาน ซึ่งตอบรับต่อความต้องการตามแนวทางธุรกิจบันเทิงในกระแสโลกได้อย่างลงตัว”

นายประมุข กล่าวอีกว่า ไทยมีจุดแข็งคือ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ และความคิดสร้างสรรค์และยังมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว มีอุปกรณ์ เครื่องมือ ในการถ่ายทำ การตัดต่อและล้างฟิล์มที่ทันสมัย ในขณะที่ค่าบริการในการรับจ้างผลิต และค่าแรงงานของไทยถูกกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่นฮ่องกง สิงค์โปร์ นอกจากนี้ ผลงานของคนไทยยังมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากอุตสาหกรรมบันเทิงไทยมีการแข่งขันสูงระหว่างผู้ประกอบการในประเทศด้วยกันเอง ส่งผลให้ผู้ประ กอบการตื่นตัวและมีการพัฒนาต่อเนื่อง

ด้าน นายปราโมทย์ โชคศิริกุลชัยนายกสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยกล่าวว่า เป้าหมายการจัดงานในปีนี้ คือความต้องการสร้างให้ประเทศไทย เข้าไปเป็นหนึ่งแผนที่โลกของการจัดงานอุตสาหกรรมบันเทิงให้ประสบความสำเร็จ และยังเป็นการผลักดันให้เกิดการผนึกกำลังกันระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจ บันเทิงหลากหลายสาขา ทั้งในส่วนของภาพยนตร์ เพลงแอนิเมชั่น เพื่อสร้างศักยภาพในการนำเสนอผลงานให้กับต่างชาติได้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อม และมีความสามารถในหลากหลายสาขาของอุตสาหกรรมบันเทิง

นอกจากนี้ ยังต้องการผลักดันให้เกิดความร่วมกันระหว่างประเทศเอเชีย อาทิมาเลเซีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย เวียดนามเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงาน และเกิดอำนาจต่อรองเทียบเท่ายุโรปและอเมริกาในรูปแบบของ "ต้มยำเอเชีย" โดยไทยเองต้องพยายามสร้างงานให้มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพที่เข้มข้น ในขณะเดียวกันเมื่อประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของเราต้องการพัฒนาศักยภาพ ไทยก็พร้อมที่จะเข้าร่วมเพื่อผลักดันให้ผลงานบันเทิงของเอเชียเป็นที่ยอมรับของตลาดโลกได้ ไม่แพ้เกาหลีใต้และญี่ปุ่น

ขณะที่ นายลักษณ์ เตชะวันชัยนายกสมาคมแอนิเมชั่นและคอมพิวเตอร์กราฟฟิคแห่งประเทศไทย(TACGA) กล่าวว่า จากนโยบายของภาครัฐ ที่จะพัฒนาให้ไทยเป็น Creative Economy และการเติบโตของอุตสาหกรรมแอนิเมชั่นทั่วโลกที่ขยายตัวต่อเนื่องการจัดงาน Thailand Entertainment Expo 2009 จึง ถือเป็นการจุดประกายให้เกิดการพัฒนางานในประเทศไทย และยังเป็นการเชิญชวนนักลงทุนชาวต่างชาติ ให้รู้จักประเทศไทยและได้เห็นผลงานของคนไทยมากขึ้น โดยเป้าหมายในเบื้องต้นคือ ต้องการให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในแผนที่โลก ของประเทศที่มีศักยภาพในการจัดงานด้านนี้

สำหรับ การที่จะผลักดันให้ประเทศไทย อยู่ในแผนที่โลกของการจัดงานได้ เราต้องพัฒนางานของเราให้มีความเข้มแข็งขณะที่รัฐเอง ต้องพยายามผลักดันให้การจัดงานครั้งนี้ เกิดผลทางด้านธุรกิจ เกิดการซื้อขาย เกิดการเจรจาการค้า ไม่ใช่เพียงแค่การโชว์ผลงานเพียงอย่างเดียว

ส่วนของสมาคม TACGA เองจะพยายามผลักดันให้ตลาดแอนิเมชั่นไทยขยายตัวมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 5-6 พันล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ขณะที่ผลงานของคนไทยได้รับการยอมรับจากต่างชาติอยู่แล้ว หากได้รับการส่งเสริมและผลักดันที่ดี จะทำให้ธุรกิจแอนิเมชั่นของไทยเติบโตต่อเนื่องได้ทุกปี

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ