ธนาคารโลก(World Bank) และบริษัทเงินทุนระหว่างประเทศ(International Finance Corporation: IFC) ได้เผยแพร่รายงานผลการจัดอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจประจำปี 2553 โดยได้จัดอันดับให้ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากสิงคโปร์และนิวซีแลนด์ ตามลำดับ
การจัดอันดับดังกล่าวจะจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้(2552) ได้มีการทำสำรวจ 183 เขตเศรษฐกิจ และประเทศทั่วโลก ในช่วงเดือนมิถุนายน 2551 ถึง พฤษภาคม 2552 เพื่อประเมินความสะดวกในการประกอบธุรกิจด้วยการสำรวจข้อมูลรวมทั้งสิ้น 10 ปัจจัย อาทิ กฏหมาย กฏระเบียบ ระยะเวลา และต้นทุน ของการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจในแต่ละแห่ง โดยในปีนี้ ฮ่องกงได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ความสะดวกในการยื่นนขอใบอนุญาตประกอบกิจการเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งขยับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว(2551) ที่อยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลฮ่องกงได้ดำเนินการปฏิรูปกฎระเบียบและขั้นตอนในการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการโดยได้ปรับลดจำนวนขั้นตอนลง 8 ขั้นตอน รวมถึงปรับลดระยะเวลาในการอนุมัติการขอใบอนุญาตประกอบกิจการลงถึง 52 วัน นอกจากนี้ ฮ่องกงยังถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีความง่ายและสะดวกในการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างประเทศ และมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด อาทิ กฏหมายคุ้มครองนักลงทุน และการจัดเก็บภาษี และนับว่าเป็นเมืองที่มีประสิทธิภาพที่สุดเป็นอันดับที่ 2 และอันดับที่ 3 ของโลกตามลำดับ
การที่ฮ่องกงอยู่ในอันดับดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลฮ่องกงได้ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการปฏิรูปกฎระเบียบและขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นว่า รัฐบาลฮ่องกงควรปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการจดทะเบียนสินทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อลดระยะเวลาและขั้นตอนการดำเนินงาน
ทั้งนี้ ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความสะดวกในการประกอบธุรกิจมาก ที่สุดคือ สิงค์โปร์ ซึ่งครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่สี่ ในขณะที่จีนถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 89 ของโลก ลดลงจากอันดับที่ 86 ของโลก ในการจัดอันดับเมื่อปีที่ผ่านมากในส่วนของไทย ธนาคารโลกได้จัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 12 ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในอันดับที่ 13
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง
ที่มา: http://www.depthai.go.th