สินค้าเสื้อผ้าเด็กเป็นสินค้าที่ผู้ผลิตต้องมีความรู้เกี่ยวกับสรีระและพฤติกรรมของเด็กเพื่อผลิตสินค้าได้ตามขนาดและให้ประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เนื่องจากเด็กแต่ละขวบปีมีการเติบโตและความต้องการเสื้อผ้าแตกต่างกันไปนอกจากนี้ต้องติดตามแนวโน้มแฟชั่นอย่างใกล้ชิดเพื่อจะสามารถออกแบบสินค้าให้มีรูปแบบที่ตลาดต้องการรวมถึงการศึกษาค่านิยมการใช้สินค้าที่เชื่อมโยงกับอากาศ และวัฒนธรรม ก็จะสามารถผลิตเสื้อผ้าที่ใช้งานได้ดีอีกด้วย
ในอิตาลีเสื้อผ้าเด็กชายมักใช้สีฟ้าและเด็กหญิงใช้สีชมพูมีการใช้ตัวการ์ตูนทั้งหลายตามสมัยนิยมเป็นลวดลายปัจจุบันแฟชั่นมาจากภาพยนต์หรือการ์ตูนโดยผ่านการนำเสนอทางสื่อโทรทัศน์เป็นสำ คัญและเด็กเป็นผู้บอกกล่าวให้ผู้ปกครองซื้อเสื้อผ้าตามแฟชั่นนิยมมากขึ้นกว่าสมัยก่อน
และที่สำคัญที่สุดคือปัจจัยเรื่องอากาศซึ่งเป็นตัวกำหนดรูปแบบและเวลาการวางจำหน่ายสินค้า โดยแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล และมีการเปลี่ยน COLLECTION สินค้าตามฤดูกาลอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปีดังนี้
ฤดูหนาว(เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์) เสื้อหนาวไม่นิยมไหมพรมตัวหนาใหญ่อีกต่อไปแต่ใช้วัตถุดิบที่บางและเบากว่าแทน เช่น แคชเมียร์หรือขนสัตว์เส้นเล็กทำให้ดูปราดเปรียวขึ้น และยังกันหนาวได้ดีกว่า ซักง่ายเพราะไม่หนัก แห้งเร็วเพราะไม่หนา
เสื้อกางเกงผ้าฝ้ายแขนขายาวแบบชุดวอร์มอย่างหนาเด็กจะใช้มากที่สุดเพราะสามารถเคลื่อนไหวตัวขณะเล่นหรือทำกิจกรรมต่างๆได้สบายตัวกว่า ทั้งที่โรงเรียน (ไม่มีเครื่องแบบ)และที่บ้านซึ่งอากาศภายในร้อนด้วยเครื่องทำความร้อน ส่วนอากาศภายนอกในปัจจุบันก็ไม่หนาวจัดมกเท่าสมัยก่อนอันเป็นผลมจากปัญหาภาวะโลกร้อนเสื้อหนาวตัวหนาจึงไม่เป็นที่นิยมนัก เสื้อแจ๊กเก็ตก็เช่นกัน ไม่นิยมเสื้อหนา ตัวใหญ่แบบผ้าสักหลาดหรือขนสัตว์อีกต่อไป แต่นิยมเสื้อตัวสั้น ใช้ผ้าฝ้ายอย่างหนาหรือผ้าร่มซึ่งสามารถใส่ลวดลายและสีสันได้มากกว่า ดูทันสมัย กะทัดรัด เบาสบาย และกันเปื้อนได้ดีเหมาะสมกับเด็กและยังสามารถซักน้ำกับเครื่องซักผ้าได้เองที่บ้านโดยไม่ต้องส่งร้านซักแห้งให้เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาเหมือนเสื้อผ้าสมัยก่อน นอกจากเสื้อผ้าแล้วฤดูหนาวยังมี FASHION ACCESSORIES อื่นๆมากมายด้วย ที่มักออกแบบให้เข้ากับเสื้อแจ๊กเก็ต ได้แก่ ผ้าพันคอ หมวก ถุงมือ ถุงน่อง เป็นต้น
- ฤดูใบไม้ผลิ(เดือนมีนาคม - เดือนพฤษภาคม) เด็กส่วนใหญ่นิยมเสื้อกางเกง ผ้าฝ้ายแขนยาวและขายาวและแจ๊กเก็ต ที่ใช้ผ้าบางกว่าเสื้อหน้าหนาว อากาศช่วงนี้ยังหนาวเย็นอยู่ยังไม่สามารถสวมเสื้อแขนสั้นได้ช่วงวางสินค้าคือกุมภาพันธ์- มีนาคม
- ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน — เดือนสิงหาคม) เสื้อผ้าเหมือนเมืองไทย ช่วงวางสินค้าคือเมษายนหรือพฤษภาคม
- ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนกันยายน — เดือนพฤศจิกายน) ใช้เสื้อผ้าเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิช่วงวางสินค้าคือเดือนกันยายน
ช่วงวางสินค้าจะวางสินค้าล่วงหน้าก่อนถึงฤดูกาลจริงประมาณ 2 เดือนและจะมีการลดราคาสินค้าปีละ 2 ครั้ง คือ SUMMER SALE จะเริ่มประมาณต้นเดือนกรกฎาคม และ WINTER SALE จะเริ่มหลังเทศกาลวันเด็ก (6 มกราคม) การลดราคานั้น หอการค้าแต่ละเมืองจะกำหนดวันเริ่มลดราคาที่แน่นอนและประกาศให้ผู้บริโภคทราบอย่างเป็นทางการเมืองต่างๆจะประกาศวันเริ่มลดราคาไม่เหมือนกัน แต่จะในระยะเวลาใกล้เคียงกันร้านค้าไม่สามารถติดป้ายลดราคาก่อนวันที่กำหนดไว้ ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และจะถูกปรับ เป็นการเอาเปรียบร้านค้าอื่นการใช้มาตรการเดียวกันนั้น เพื่อปกป้องการค้าไม่ให้แข่งขันตัดราคากันเองหรือไม่ให้ลดราคาตามใจชอบช่วงไหนก็ได้ การลดราคาจะเป็นช่วงเวลาใกล้สิ้นฤดูกาลเพราะอากาศจะเปลี่ยน ซึ่งจะมีเวลาได้ใช้สินค้าน้อย หรือต้องเก็บไปใช้ปีถัดไป ก็อาจล้าสมัยไปแล้วฉะนั้น การลดราคาจึงไม่ทำลายระบบการค้า แต่เป็นวิธีการระบายสินค้าที่ขายเหลือและที่อิตาลีจะไม่เก็บสินค้าเพื่อนำออกมาขายใหม่ในปีถัดไป เพราะแต่ละฤดูกาลจะวางสินค้า COLLECTION ใหม่เสมอ ซึ่งผู้บริโภคเองก็ทราบดีและจะซื้อเสื้อผ้าด้วยความพอใจเพราะทราบว่าจะได้ของใหม่ใช้ก่อนใคร จะมีขนาด สีและลายให้เลือกก่อนถึงแม้ต้องจ่ายราคาเต็มก็ตาม
ส่วนเสื้อผ้าเด็กก็จะมีการลดราคาเช่นกัน สินค้าบางประเภทที่ใช้ได้ตลอดปีอาจไม่พบสินค้าลดราคานัก เช่น เสื้อทับด้านในชุดยาวแบบชุดหมีของเด็กอ่อนและเด็กเล็ก ถุงเท้า เป็นต้น การซื้อสินค้าลดราคาสำหรับเด็กมักเป็นการซื้อเผื่อสำหรับใช้ปีต่อไปเพราะจะได้ใช้มากกว่าการซื้อเพื่อใส่ไม่นานในปีปัจจุบัน
ตารางแสดงอุตสาหกรรมเสื้อผ้าเด็กอิตาลี(2005-2008)
มูลค่า : ล้านยูโร
2005 2006 2007 2008
มูลค่าการค้า 2,488 2,595 2,628 2,626
การเปลี่ยนแปลง (%) 4.3 1.3 -0.1
การผลิต 1,343 1,308 1,295 1,260
การเปลี่ยนแปลง (%) -2.6 -1.0 2.7
การส่งออก 712 781 784 791
การเปลี่ยนแปลง (%) 9.6 0.4 0.8
การนำเข้า 1,217 1,423 1,491 1,547
การเปลี่ยนแปลง (%) 16.9 4.8 3.7
ดุลย์การค้า -505 -642 -707 -756
การบริโภคในประเทศ 4,619 4,876 5,006 5,041
การเปลี่ยนแปลง (%) 5.6 2.7 0.7
การส่งออก/มูลค่าการค้า 28.6 30.1 29.8 30.1
การนำเข้า/การบริโภคในประเทศ 42.2 46.7 47.7 49.1
แหล่งข้อมูล : สมาคมเครื่องนุ่งห่มแห่งชาติอิตาลี
เสื้อผ้าสำเร็จรูปเด็ก 0-14 ปีรวมถึงชุดชั้นในและอุปกรณ์แฟชั่นเด็ก
ตลาดเสื้อผ้าเด็กอิตาลีในปี2008 เมื่อเทียบกับปี2007มูลค่าการค้า ตลาดเสื้อผ้าเด็ก (อายุ0 — 14 ปี) มีมูลค่าการค้ากว่า 2,626 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 0.1 ยังนับว่าเป็นการปรับตัวลดลงที่ไม่มาก ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการค้าเนื่องจากเสื้อผ้าเด็กก็เป็นสินค้าจำเป็นต้องใช้ไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยที่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ซื้อได้โดยผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าราคาถูกลงแทน
การผลิต มีมูลค่า 1,260 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 2.7 เสื้อผ้าเด็กที่ผลิตในอิตาลีส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำหรับตลาดบนเน้นคุณภาพดีราคาค่อนข้างแพงมียี่ห้อที่มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดีมากมายและมีสาขาจำหน่ายในหลายประเทศ ได้แก่ CHICCO, PRENATAL, BRUMS, MAGNOGLIA, BIMBUS ส่วนยี่ห้ออื่นๆอีกมากมายที่เริ่มต้นธุรกิจจากเสื้อ ผ้าผู้ใหญ่ก็หันมาเพิ่มเสื้อผ้าเด็กด้วย เช่น BENETTON, STEFANEL, GUESS, TIMBERLAND, ARMANI, TRUSSARDI เป็นต้น
การผลิตสินค้าส่วนหนึ่งยังผลิตในอิตาลีและมีแนวโน้มลดลงผู้ผลิตรายใหญ่มักย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่ค่าจ้างแรงงานถูกกว่า หรือเป็นแหล่งวัตถุดิบ เช่น จีน หรือในยุโรปตะวันออกโดยจะแปลงบริษัทในอิตาลีจากฐานการผลิตเป็นฐานการออกแบบ ควบคุมคุณภาพบรรจุหีบห่อและกระจายสินค้าเสื้อผ้าที่ผลิตทุกส่วนในต่างประเทศต้องระบุประเทศที่ผลิตบนฉลากสินค้าด้วยยกเว้นการส่งกลับมา FINISHING บางส่วนบางขั้นตอนในอิตาลี จึงสามารถใส่ MADE IN ITALY ได้อย่างไรก็ตามสินค้ายี่ห้อมีชื่อเสียง จะควบคุมคุณภาพสินค้าให้ตรงตามต้องการถึงแม้จะผลิตในต่างประเทศก็ตาม ซึ่งผู้บริโภคเองเลือกซื้อยี่ห้อก็สบายใจว่ายี่ห้อเป็นตัวรับประกันคุณภาพสินค้า
การส่งออก มีมูลค่า 791 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 การส่งออกที่ลดลงได้แก่ เสื้อผ้าเด็กอ่อน การส่งออกลดลงร้อยละ 13 เนื่องจากการส่งออกไปรัสเซียลดลงถึงร้อยละ 21.7 ส่วนการส่งออกไปฮ่องกงอยู่ในเกณฑ์ดี เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 และการส่งออกไปกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปด้วยกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3
การนำเข้า มีมูลค่า 1,547 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 อิตาลีขาดดุลการค้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการนำเข้ามีเพิ่มขึ้นทุกปีและมีมูลค่าสูงกว่าการส่งออกสินค้านำเข้ามีส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศร้อยละ 49.1 เสื้อผ้าเด็กมีแนวโน้มการผลิต ในอิตาลีลดลงการจ้างผลิตและการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศที่มีค่าจ้างแรงงานถูกกว่าหรือการนำเข้าเป็นแนวโน้มอุตสาหกรรมเสื้อผ้าอิตาลีรวมถึงเสื้อผ้าเด็ก
อิทธิพลของยี่ห้อต่อการซื้อสินค้าเสื้อผ้าเด็กมีไม่มากเท่ากับเสื้อผ้าวัยรุ่นและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่เป็นการซื้อที่เลือกความจำเป็นหรือความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์มากกว่าความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ใช้สินค้ายี่ห้อดังกล่าวประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อสินค้านำเข้าซึ่งราคาถูกกว่า
จีนเป็นประเทศที่อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กมากที่สุด โดยมีสัดส่วนการนำเข้าถึงร้อยละ 44.9 ถึงแม้การนำเข้าจากจีนจะลดลงร้อยละ 3.2 ก็ตาม เนื่องจากประสบปัญหาคุณภาพสินค้า, สินค้าลอกเลียนแบบและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ
รองลงมานำเข้าจากฝรั่งเศส มีสัดส่วนการนำเข้าเสื้อผ้าเด็กร้อยละ 17.9 การนำเข้าก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2
อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กจากไทย
อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กจากไทย ประเภท WOVEN GARMENT ในปี 2008 มีมูลค่า 0.762 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 17.77 เมื่อเทียบกับปี2007
อิตาลีนำเข้าจากประเทศเรียงตามมูลค่าดังนี้จีน (ลดลงร้อยละ 4.08) ฝรั่งเศส (ลดลงร้อยละ 8.83) ตูนิเซีย (ลดลงร้อยละ 21.40) โมรอคโก (ลดลงร้อยละ 27.11) ตุรกี(เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.15) โรมาเนีย (ลดลงร้อยละ 41.41) สเปน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.93) อินเดีย (ลดลงร้อยละ 9.04) บังกลาเทศ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.21) เบลเยียม(ลดลงร้อยละ 28.22) ศรีลังกา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.29) เยอรมัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.33) และไทย เป็นต้น
ประเทศคู่แข่งไทย ได้แก่จีน อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกา
อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กจากไทย ประเภท KNIT GARMENT ในปี2008 มีมูลค่า 5.585 ล้านยูโรลดลงร้อยละ 4,25 เมื่อเทียบกับปี2007
โดยนำเข้าจากประเทศ จีน (ลดลงร้อยละ 2.66) ฝรั่งเศส (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.79) โรมาเนีย(เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.26) อินเดีย (ลดลงร้อยละ 15.58) สเปน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.18) ไทย ตูนิเซีย(เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.04) บังกลาเทศ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 105.18) ตามลำดับ
ประเทศคู่แข่งไทย ได้แก่จีน อินเดีย บังกลาเทศ กัมพูชา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 14,957.66) ศรีลังกา(เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.97) ลาว (เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.12)
อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กจากไทย ประเภท WOVEN GARMENT ระหว่างเดือนมกราคม —เดือนพฤษภาคม 2009 มีมูลค่า 0.353 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2008
อิตาลีนำเข้าจากประเทศเรียงตามมูลค่าดังนี้ จีน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24,42) ฝรั่งเศส(เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10) โรมาเนีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 111.24) ตุรกี (เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.09) ตูนิเซีย (ลดลงร้อยละ 0.55) โมรอคโก (ลดลงร้อยละ 27.11) สเปน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.48) บังกลาเทศ(เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.00) อินเดีย (ลดลงร้อยละ 33.12) เวียตนาม (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,035.58) เยอรมัน(เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.87) อินโดนีเซีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 592.69) เบลเยียม (ลดลงร้อยละ 37.51) และไทย เป็นต้น
ประเทศคู่แข่งไทย ได้แก่จีน บังกลาเทศ อินเดีย เวียตนาม อินโดนีเซีย
อิตาลีนำเข้าเสื้อผ้าเด็กจากไทย ประเภท KNIT GARMENT ระหว่างเดือนมกราคม —เดือนพฤษภาคม 2009 มีมูลค่า 2.222 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.11 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2008
อิตาลีนำเข้าจากประเทศเรียงตามมูลค่าดังนี้(เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.09) ฝรั่งเศส (ลดลงร้อยละ 35.08) อินเดีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.19) สเปน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.54) บังกลาเทศ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.76) ตูนิเซีย (ลดลงร้อยละ 2.88) โรมาเนีย (ลดลงร้อยละ 69.64) และไทย ตามลำดับ
ประเทศคู่แข่งไทย ได้แก่ จีน อินเดีย บังกลาเทศ อินโดนีเซีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 251.32) กัมพูชา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,326.64) ศรีลังกา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.88)
แนวโน้มตลาด ตลาดเสื้อผ้าเด็กอ่อนจะยังมีแนวโน้มดี เนื่องจากอัตราการเกิดช่วง 11 เดือนแรกของปี 2008 มีจำนวน 528,772 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับปี 2007 และคาดว่าอัตราการเกิดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปีต่อไปเสื้อผ้าเป็นของขวัญที่คนทั่วไปนิยมให้มากที่สุดเพื่อแสดงความยินดีเมื่อคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงคลอดบุตร
ในปี 2008 การจำหน่ายเสื้อผ้าเด็กสำหรับตลาดในประเทศมีมูลค่า 5.041 ล้านยูโรขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7
1. ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าเด็ก ระบบ FRANCHISING คิดเป็นร้อยละ 40.6 ซึ่งเป็นช่องทางที่สำคัญและมีมากที่สุดเพราะเป็นระบบที่อำ นวย ความสะดวกและรวดเร็ว ในการเปิดกิจการเมื่อตกลงขายสินค้าแฟรนไชซ์แล้ว บริษัทเจ้าของยี่ห้อ จะดำเนินการตกแต่งและนำสินค้ามาลงผู้ขายก็มั่นใจเพราะสินค้าส่วนใหญ่มียี่ห้อเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้วอีกทั้งไม่ต้องลงทุน เรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์
อิตาลีเป็นประเทศที่แทบจะไม่มีห้างประเภท DEPARTMENT STORE เลยส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขนาดเล็กที่จำ หน่ายสินค้าเฉพาะอย่างอย่างไรก็ดี การขยายตัวของเครือข่าย HYPERSUPERMARKET ได้แก่AUCHAN(มากที่สุด) และ CARREFOUR ยังคงสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีการสร้างบริเวณที่เป็นร้านค้าให้เช่าซึ่งสินค้าแฟรนไชน์ ส่วนใหญ่จะเข้าเปิดใน HYPERSUPERMARKET เหล่านี้
2. ร้านค้าปลีกเสื้อผ้าเด็กทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 25.9
3. ใน HYPERMARKET หรือ SUPERMARKET คิดเป็นร้อยละ 23.9 สินค้าเด็กส่วนใหญ่ไม่ใช่สินค้ามียี่ห้อ แต่เป็นสินค้านำเข้า เน้นสินค้าราคาถูก
4. ร้านค้าแบบแผงลอยตามตลาดสด คิดเป็นร้อยละ 6.4 เน้นสินค้าราคาถูก ไม่ใช่สินค้ายี่ห้อปัจจุบันชาวจีน,แขกอาฟริกาเหนือ (โมรอกโก ตูนิเซีย) และอินเดียค้าขายตามแผงลอยตลาดสดกันมากและส่วนใหญ่ขายเสื้อผ้ากัน
ตลาดสดแผงลอยในอิตาลีจะมีทุกวัน ตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเวลา 13.00 น. ไม่ซ้ำถนนที่ตั้งตลาดย้ายเปลี่ยนไปทุกวัน ถนนหนึ่งมีวันตั้งประจำวันเดียวต่อสัปดาห์วันอาทิตย์ไม่มีตลาดนัดมักเป็นถนนที่การจราจรไม่มาก
7. ช่องทางอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 3.2 เช่น การซื้อผ่าน CATALOGUE หรือ INTERNET
งาน PITTIBIMBO (WWW.PITTIMMAGINE.IT) จัดขึ้นปีละครั้งในเดือนมกราคม งานครั้งต่อไปจะจัดขึ้นระหว่าง 21-23 มกราคม 2010 ณ ศูนย์แสดงสินค้าเมืองฟลอเรนซ์
อุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าเด็กเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกสูงเนื่องจากสามารถผลิตสินค้าคุณภาพดีได้มาตรฐาน แต่ต้องคำนึงถึงราคา ซึ่งปัจจุบันคู่แข่งไทยอย่าง จีน อินเดีย บังกลาเทศ มีราคาถูกกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดอิตาลีไม่ใช่ตลาดที่นิยมของถูกแต่ยังให้ความสำคัญด้านรูปแบบดีไซน์และคุณภาพมาก เพราะเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อ และอิตาลีเป็นประเทศที่นำสมัยด้านแฟชั่นรวมถึงเสื้อผ้าเด็ก คุณภาพของวัตถุดิบเป็นสิ่งสำคัญมากต้องไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองเมื่อสวมใส่สินค้าที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่นิยมอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ผู้ผลิตควรศึกษาตลาดเพื่อหาข้อมูลต่างๆให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจนเพื่อที่จะนำมาพัฒนาการผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายมากที่สุดและหากผู้ผลิต/ผู้ส่งออกไทยต้องการรายละเอียดหรือให้ประสานงานใดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม ได้ที่VIA ERMINIO SPALLA 41, 00142 ROME โทรศัพท์+39 06 5030804 โทรสาร +39 06 5030805 E-MAIL:THAITCROME@THAITCROME.IT
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม
ที่มา: http://www.depthai.go.th