รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าภูมิภาคอาเซียน (สิงคโปร์)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 25, 2009 16:17 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างวันที่ 1-15 กันยายน 2552
ประเทศ - สิงคโปร์

ก. ภาวะเศรษฐกิจ/การค้าทั่วไป

1) จากการสำรวจของ Monetary Authority of Singapore (MAS) นักเศรษฐศาตร์ในภาคเอกชน ได้คาดการณ์การเจริญเติบโต เศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2552 จะลดลงเพียงร้อยละ 3.6 เท่านั้น (ภาครัฐได้คาดการณ์ไว้ว่า จะลดลงร้อยละ 4-6) และอัตราการว่างงานร้อยละ 3.8 โดยภาคอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ การก่อสร้าง การผลิต และการเงิน/การธนาคาร จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น (ยกเว้นภาคการค้าส่ง/ค้าปลีกและภาคการบริการ) เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 การเจริญเติบโต GDP เป็นร้อยละ 20.7 อนึ่ง คาดการณ์ช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2552 จะอยู่ในอัตราร้อยละ -3.0 และ 1.9 ตามลำดับ และ GDP ปี 2553 ร้อยละ 4.5

2) หน่วยงาน Purchasing and Materials Management ได้รายงานว่า ภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆของสิงคโปร์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม 2552 ซึ่ง Purchasing Managers’ Index (PMI) เป็นร้อยละ 54.4 (ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4 เดือน ติดต่อกัน หลังจากที่ขยายตัวลดลงมาเป็นระยะเวลาถึง 8 เดือน) แสดงให้เห็นถึงสัญญาณในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ ทั้งนี้ มาจากการความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคด้วย

3) ภาคอุตสาหกรรมการผลิต Medical Technology (devices and technologies เช่น contact lenses, pacemakers and research instruments) ในสิงคโปร์ มีผลิตผลในปี 2551 มูลค่า 2.9 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นจากมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2543 เมื่อสิงคโปร์เพิ่งเริ่มส่งเสริมด้าน Biomedical Sciences ในปี 2551 กลุ่มเภสัชภัณฑ์มีผลผลิตมูลค่า 16.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ มีการจ้างงานมากกว่า 4,000 อัตรา (ปี 2543 มูลค่า 4.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ การจ้างงาน 2,000 อัตรา) อนึ่ง การผลิต contact lenses ในสิงคโปร์ คิดเป็นร้อยละ 10 ของการผลิตทั่วโลก โดยในสิงคโปร์ผู้ผลิตได้แก่ Ciba Vision, Essilor และ Alcon

4) ภาคอุตสาหกรรมการบินของสิงคโปร์ในปี 2551 มีมูลค่าสูงถึง 7.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ แต่ในปี 2552 ชะลอตัวลง ทั้งในส่วนของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า ส่งผลให้การผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องชะลอตัวลง การให้บริการรวมถึงการบำรุงรักษาซ่อมสร้างเครื่องบินได้รับผลกระทบอย่างมาก บริษัทสำคัญๆ ได้แก่ ST Aerospace, SIA Engineering (SIAEC) มีรายได้ลดลงมาก ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 บริษัท ST Aerospace มีรายได้ 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ลดลงร้อยละ 36 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนบริษัท SIAEC รายได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 มูลค่า 45.1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ลดลงร้อยละ 23.2

5) ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย สิงคโปร์ได้พยายามใช้พลังงานให้อย่างคุ้มค่า แม้ว่าในปี 2551 ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ามีมูลค่ามากกว่า 8.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ การเพิ่มศักยภาพให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้เครื่องจักรเพื่อการผลิต เป็นการให้บริการด้านการเงิน/การคลังและสุขอนามัย ซึ่งความรู้ความชำนาญไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องจักร นอกจากนี้ อีกทางหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมคือ การใช้เทคโนโลยีเพิ่มผลการผลิต และประชากรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ ทำให้สัดส่วนการใช้ของครอบครัวลดลงจากร้อยละ 19.7 ในปี 2543 เป็น ร้อยละ 17.8 (37,940.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง) ในปี 2551

6) แม้ว่าสิงคโปร์จะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและโรคระบาด H1N1 แต่กิจการโรงพยาบาลเอกชนยังอยู่ในสภาวะที่ดี รายได้ ลดลงเล็กน้อยในปี 2551 เนื่องจากผู้เข้ารับการรักษาชาวต่างชาติลดลง จากสถิติล่าสุดปี 2549 แสดงให้เห็นว่า ชาวต่างชาติเข้ามารักษาในสิงคโปร์จำนวน 400,000 คน และคาดหวังว่า เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยสิงคโปร์มีสถานรักษาและบุคคลากรที่ชำนาญเพิ่มขึ้นสามารถรองรับได้ นอกจากนี้ Economic Development Board มุ่งเน้นให้สิงคโปร์เป็น Oriented Living Lab ในอนาคต โดยใช้ IT ในด้านสุขอนามัย รวมทั้งการส่งเสริม SingaporeMedicine ให้เป็น World Medical Hot Spot

7) อัตราแลกเปลี่ยนเงินเหรียญสิงคโปร์ ณ วันที่ 10 กันยายน มีอัตราลดลงเมื่อแลกเปลี่ยนกับเงินตราสำคัญๆ ได้แก่ เหรียญออสเตรเลีย เท่ากับ 1.22 เหรียญสิงคโปร์, เหรียญนิวซีแลนด์ เท่ากับ 98.83 เซนต์ , เหรียญยูโร เท่ากับ 2.07 เหรียญสิงคโปร์ , เงินปอนด์ เท่ากับ 2.36 เหรียญสิงคโปร์ และเงินเยน 64.61 เยน เท่ากับ 1 เหรียญสิงคโปร์

ข. ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

1) สิงคโปร์กับเวียดนาม ได้เพิ่มความสัมพันธ์ในด้านการทหาร โดย Mr. Teo Chee Hean, Deputy Prime Minister and Defence Minister ได้เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ และเวียดนามกำหนดจัด ASEAN Defence Ministers’ Meeting ครั้งที่ 4 ในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกันในด้านความช่วยเหลือมนุษยชนและด้านอุทกภัย ทั้งนี้ 2 ประเทศได้มีความร่วมมือในโครงการ Vietnam-Singapore Industrial Park ซึ่งได้เริ่มเมื่อปี 2539 และปัจจุบันขยายพื้นที่ไปอีก 4 แห่ง ในภาคใต้และภาคเหนือ รวมถึงมีการจ้างงานมากกว่า 60,000 อัตรา สิงคโปร์เป็นผู้ลงทุนสำคัญอันดับที่ 5 ในเวียดนาม มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 17 พันล้านเหรียญสิงคโปร์

2) สิงคโปร์กับลิเบีย Mr. Goh Chok Tong, Senior Minister เยือน Tripoli อย่างเป็นทางการเพื่อร่วมฉลองวันชาติลิเบีย และเข้าเยี่ยมคารวะ Dr, Saif Al-Islam, President of the Gaddafi International Charity and Development Foundation ได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าและการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การค้าระหว่างสิงคโปร์กับลิเบียในปี 2551 มูลค่า 406 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มจาก 93 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ในปี 2550 อีกทั้ง บริษัทสิงคโปร์ได้ลงทุนโครงการต่างๆในลิเบียมูลค่ากว่า 2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ได้แก่ ภาคการก่อสร้าง การสร้างสถานที่สำหรับเก็บน้ำ รวมถึงการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันด้วย อนึ่ง ทั้งสองประเทศได้ร่วมจัดตั้งคณะทำงานที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า ซึ่งมีการลงนามข้อตกลงรับรองการลงทุนและ Double Taxation

3) สิงคโปร์กับอาบูดาบี Sheikh Mohammed Zayed Al-Nahyan, Emirate’s Crown Prince ได้เชิญ Mr.Tony Tan, Former Education Minister สิงคโปร์ ไปบรรยายเกี่ยวกับด้านการศึกษา ณ อาบูดาบี เพื่อจะเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการศึกษาของสิงคโปร์ที่ส่งเสริมให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีและมีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในเอเชีย

4) สิงคโปร์กับจีน Mr. Goh Chok Tong, Senior Minister ของสิงคโปร์ และ Vice-Premier Li Keqiang ของจีน ได้พบปะกันที่ Great Hall of the People ในปักกิ่ง ผู้นำทั้งสองยืนยันและให้ความมั่นใจในความสัมพันธ์ที่ดีของ 2 ประเทศในปัจจุบันและอนาคต

5) สิงคโปร์กับสหราชอาณาจักร Mr. Lee Kuan Yew, Minister Mentor ของสิงคโปร์ ได้เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ และได้เข้าพบ Mr. David Miliband, Foreign Secretary ของสหราชอาณาจักร ที่ Central London เพื่อเสริมสร้างสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ค. การลงทุนในสิงคโปร์

1) หน่วยงานสิงคโปร์ Science, Technology and Research’s (A*Star) Science and Engineering Research Council (SERC) ได้มอบเงินจำนวน 27.5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ให้แก่นักวิทยาศาสตร์สิงคโปร์เพื่อศึกษาวิจัย 28 โครงการ ใน 4 สาขาวิชา คือ Carbon Capture and Utilisation, Bioenergy & Biofuels, Sustainable Construction และ Sustainable Materials ทั้งนี้ เพื่อให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์สำเร็จและมีผลควบคู่ไปกับเทคโนโลย่ให้สามารถเพิ่มมูลค่าเกิดผลประโยชน์แก่ทั้งภาคอุตสาหกรรมและมวลชน

2) บริษัทอังกฤษ Rolls-Royce ได้คัดเลือกให้ Singapore Airlines (SIA) Cargo เป็นหุ้นส่วนในการขนส่งเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจที่ Seletar Aerospace Park ทั้ง 2 บริษัทได้ลงนาม Memorandum of Understanding (MOU) โดย Rolls-Royce ให้ SIA Cargo ขนส่งเครื่องยนต์อากาศยานและอุปกรณ์ส่วนประกอบ เข้า-ออกสิงคโปร์เพื่อทำการตรวจสอบและติดตั้ง ณ สถานที่ของบริษัทที่ Seletar

3) ภาครัฐเปิดให้ประมูลการสร้าง MotoSports Hub ณ เขต Changi ในสิงคโปร์ คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2554 ผู้ที่ประมูลได้จะได้รับสิทธิในการจัด MotoGP, การแข่งรถจักรยานยนต์(เทียบเท่ากับ Formula One) ทั้งนี้ การสร้าง MotoSports Hub เป็นไปตามแผนการของรัฐบาลในการส่งเสริมและพัฒนาภาคกีฬาด้วยเงินทุน 2 พันล้านเหรียญต่อปี ภายในปี 2558 อีกทั้งสามารถเพิ่มการจ้างงานได้อีกประมาณ 20,000 อัตรา อนึ่ง บริษัทที่เข้าร่วมประมูล ได้แก่ Turf City Management, Sports Services (Haw Par Corporation) และ SG Changi

4) บริษัทของรัฐบาลอาบูดาบี Advanced Technology Investment Company (Atic) ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท Chartered Semiconductor (ผลิต chip) มูลค่า 5.6 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งบริษัท Temasek Holdings ถือครองหุ้นร้อยละ 62 อนึ่ง ในช่วงเศรษฐกิจเริ่มถดถอย Chartered ต้องปลดพนักงานจำนวน 500 คน รายได้ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2552 ขาดทุน 39.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงการซื้อ-ขาย Atic จ่าย 2.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์สำหรับหุ้น และ3.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์สำหรับหนี้สิน และมีแผนการให้ Chartered ผลิตภายใต้บริษัท Globalfoundries ผู้ผลิต Chip สำหรับ Atic ทั้งนี้ สามารถรักษาการจ้างงานในสิงคโปร์ได้ 6,000 อัตรา

5) Nanyang Technological University (NTU), Sweden’s Linkoping University และ Austria Research Center ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์ Biosensing Technology ในสิงคโปร์ สำหรับการค้นคว้าวิจัย Biomimetic Sensor Science สำหรับการวินิจฉัยโรคและตรวจสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย อุปกรณ์ Biosensor สามารถที่จะตรวจโมเลกุลจากเลือดจำนวนน้อย หรือตรวจสอบสารพิษและยาพิษในอากาศและน้ำ ทั้งนี้ ศูนย์ฯมีพื้นที่ 200 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 10 ล้านเหรียญสิงคโปร์ จะสร้างแล้วเสร็จในปี 2553 และมีนักวิจัย 20 คน คาดว่าจะมีการร่วมมือระหว่างบริษัทเอกชนในอนาคต เพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้ได้ในเชิงพาณิชย์

6) ศูนย์การค้นคว้าวิจัย Waseda Bioscience Research Institute of Singapore (WABIOS) ได้เปิดเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2552 เป็นศูนย์ฯภายใต้มหาวิทยาลัย Waseda แห่งแรกที่จัดตั้งนอกประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับ National University of Singapore (NUS) และ Nanyang Technology University (NTU) ทำการศึกษา neuroscience, bioimaging, bioengineering, biophysics and nanobiology ได้รับเงินสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย Waseda จำนวน 2 ล้านเหรียญสิงคโปร์ และนักวิจัย 5 คน (สิงคโปร์ 5 คน)

ง. การลงทุนในต่างประเทศ

1) สิงคโปร์โดย Monetary Authority of Singapore (MAS) เพิ่มเงินสมทบแก่ International Monetary Fund (IMF) จากจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.1 พันล้านเหรียญสิงคโปร์) เป็นจำนวน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการส่งเงินสมทบเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกของ IMF จำนวน 186 ประเทศ รวมสิงคโปร์ ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ประสบปัญหาอย่างมาก ได้แก่ ฮังการี โรมาเนีย ไอซ์แนนด์ และปากีสถาน

2) บริษัทสิงคโปร์เข้าไปลงทุนในประเทศรัสเซีย แม้ว่าจะประสบปัญหาด้านการใช้ภาษา ปัจจุบันเศรษฐกิจรัสเซียเริ่มฟื้นตัว และรัสเซียเปิดประเทศเพื่อการค้า โดยเฉพาะกับสิงคโปร์ เนื่องจากเห็นว่าชาวสิงคโปร์เป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีเครดิตดี ภาคการค้าที่น่าลงทุนร่วมกับรัสเซีย ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าต่างๆสำหรับผู้บริโภค อนึ่งการค้าระหว่างสิงคโปร์กับรัสเซียในปี 2551 มีมูลค่าเกือบ 3.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นสองเท่าจากมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญสิงคโปร์เมื่อปี 2550

จ. อื่นๆ

1) การดำเนินการด้านแรงงานมีการมุ่งเน้นในการที่จะให้บริษัทเอกชนมีการพัฒนาด้านผลผลิตของแรงงานทุกคนในทุกระดับ และให้บริษัทสามารถส่งเสริมเศรษฐกิจสิงคโปร์ให้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยนาย Lim Swee Say, Labour Chief ได้ประกาศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านแรงงานสำหรับสิงคโปร์ ให้เป็นประเทศที่มีแรงงาน “ถูกกว่า ดีกว่า และเร็วกว่า” (cheaper, better and faster) โดยการร่วมกับบริษัทในกลุ่มการผลิตให้ส่งเสริมระดับความสามารถ ของพนักงาน และพัฒนาการทำงานด้วย เทคโนโลยีใหม่ๆ การออกแบบและการสร้างสรรสินค้า รวมถึงการส่งให้พนักงานเข้าฝึกอบรมความชำนาญ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 ผลผลิตแรงงานได้ลดลงร้อยละ 15.4 (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า)

2) สิงคโปร์กำหนดจัดการประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation (Apec) ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 8-15 พฤศจิกายน 2552 ด้วยเงินงบประมาณกว่า 100 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ผู้เข้าร่วมประชุมจากกลุ่มสมาชิก 21 กลุ่ม ประมาณ 10,000 คน ที่สำคัญ คือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ President Barack Obama (เยือนสิงคโปร์ครั้งแรก) ประธานาธิบดีรัสเซีย President Dmitry Medvedev และผู้นำจีน President Hu Jintao รวมถึงนักธุรกิจและผู้สื่อข่าวจากทั่วโลก สำหรับการประชุม Leaders’ retreat จะจัดที่ Istana เพื่อสะดวกในด้านการรักษาความปลอดภัย

3) จากผลการสำรวจของ The American Chamber of Commerce (Amcham) ปรากฎว่า คนต่างด้าวที่พำนักในสิงคโปร์ยกย่องให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าดำเนินธุรกิจในภูมิภาค โดยสิ่งที่ดี ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี การคอรัปชั่นน้อย กฎหมาย/ระเบียบที่มั่นคง การเมืองมีเสถียรภาพมั่นคง ระบบภาษีที่ดี บุคคลากรมีความรู้ความชำนาญ ภาครัฐมีความโปร่งใส และมีนโยบายช่วยเหลือภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวล และมีผลทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ คือ ราคาอสังหาริมทรัพย์และค่าเช่าสำนักงานสูงมาก (ติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว) ทั้งนี้ ประเทศยอดนิยมสำหรับการขยายธุรกิจในอาเซียน คือ เวียดนาม และอินโดนีเซีย

4) World Bank ได้จัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นอันดับ 1 ของประเทศที่สะดวกในการทำธุรกิจ (เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน) จากการสำรวจ 183 ประเทศเศรษฐกิจ ประเทศใน 10 อันดับแรก รองจากสิงคโปร์ ได้แก่ นิวซีแลนด์ ฮ่องกง สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ค ไอร์แลนด์ แคนาดา ออสเตรเลีย และ นอรเวย์ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้สิงคโปร์ได้รับเลือกเป็นอันดับ 1 ได้แก่ การส่งเสริมการใช้ e-government ทำให้กฎ/ระเบียบโปร่งใส ง่ายและมีประสิทธิภาพต่อบริษัทเอกชน ระเบียบการจัดตั้งธุรกิจและการลงทะเบียนภาษีทางเว็ปไซด์ที่ไม่ซับซ้อน ร่นระยะเวลาในการจดทะเบียนบริษัทจาก 4 วันเป็น 3 วัน ระเบียบการขอใบอนุญาตการก่อสร้างที่รวดเร็ว(ลดจาก 38 วัน เป็น 25 วัน)

กิจกรรมที่ดำเนินการระหว่างวันที่ 1-15 กันยายน 2552

1. ประสานงานสื่อมวลชนสิงคโปร์เยือนงาน BIG & BIH 2009 (October)

2. ประสานงานเพื่อดำเนินโครงการ Mini Exhibition สินค้าไทยและนำคณะนักธุรกิจเดินทางไปเจรจาการค้า/จับคู่ธุรกิจในสิงคโปร์

3. ประสานงานเพื่อนำคณะนักธุรกิจสิงคโปร์เข้าชมงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2009 กำหนดจัดระหว่างวันที่ 15-19 สิงหาคม 2552

4. ขออนุมัติให้ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ เดินทางไปปฏิบัติราชการในประเทศไทยเพื่อนำคณะนักธุรกิจสิงคโปร์เยือนงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2009 และเข้าร่วมประชุมหัวหน้าสำนักงานฯ

5. จัดส่งรายงานผลการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่เข้าร่วมงาน Thai Festival 2009 ณ สถานเอกอัคร ราชทูตไทยในสิงคโปร์

6. จัดส่งรายงานเพื่อการสัมมนา Export Clinic ข้อมูลสินค้าอาหาร ของขวัญ/ของตกแต่งบ้าน และผลไม้ ในตลาดสิงคโปร์

7. จัดส่งรายงานผลโครงการส่งเสริมภัตตาคารไทยที่ได้รับ Thai Select ในสิงคโปร์ (ภายใต้ Theme “Thai Food-Thai Select”)

8. จัดส่งใบสำคัญคืนเงินโครงการส่งเสริมภัตตาคารไทยที่ได้รับ Thai Select ในสิงคโปร์

9. ส่งภาพการมอบประกาศนียบัตร Thai Select 2009-2010 แก่ภัตตาคารไทยในสิงคโปร์ 10. ขอเบิกค่าใช้จ่าย Made in Thailand : Premium Gifts & Decorative Products

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ