เมืองหลวง : Washington , DC พื้นที่ : 9,161,923 ตารางกิโลเมตร ภาษาราชการ : English ประชากร : 301.6 ล้านคน (1 ก.ค. 2550) อัตราแลกเปลี่ยน : US$ : 33.3057 บาท (24/09/52) โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับสหรัฐอเมริกา มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 10,276.91 100.00 -25.67 สินค้าเกษตรกรรม 933.26 9.08 -26.38 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 1,268.55 12.34 -0.34 สินค้าอุตสาหกรรม 7,805.20 75.95 -28.25 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 269.90 2.63 -33.45 สินค้าอื่นๆ 0.01 0.0 818,699.72 ข้อสังเกต : (สำหรับสินค้าอื่น ๆ ในปี 2552 (มค.- สค.) มีมูลค่าการนำเข้า 0.01 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ไม่มีมูลค่าการนำเข้า ทำให้มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 818,699.72 ) โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับสหรัฐอเมริกา มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นำเข้าทั้งสิ้น 5,264.33 100.00 -30.32 สินค้าเชื้อเพลิง 74.90 1.42 -54.57 สินค้าทุน 1,957.75 37.19 -26.14 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 2,469.35 46.91 -35.74 สินค้าบริโภค 666.56 12.66 -18.07 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง 65.40 1.24 -0.78 สินค้าอื่นๆ 30.36 0.58 72.22 1. มูลค่าการค้า มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - สหรัฐอเมริกา 2551 2552 %
(ม.ค.-สค.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการค้ารวม 21,380.78 15,541.24 -27.31 การส่งออก 13,825.25 10,276.91 -25.67 การนำเข้า 7,555.53 5,264.33 -30.32 ดุลการค้า 6,269.72 5,012.58 -20.05 2. การนำเข้า ประเทศไทยนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 5,264.33 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 30.32 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการนำเข้ารวม 5,264.33 100.00 -30.32 1.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 677.65 12.87 -5.82 2.แผงวงจรไฟฟ้า 595.26 11.31 -27.65 3.เคมีภัณฑ์ 484.69 9.21 -36.10 4.เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 374.60 7.12 -3.68 5.เครื่องคอมพิวเตอร์ 368.42 7.00 -40.63 อื่น ๆ 569.52 10.82 -36.21 3. การส่งออก ประเทศไทยส่งออกไปเป็นสหรัฐอเมริกา อันดับที่ 1 มูลค่า 10,276.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 25.67 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการส่งออกรวม 10,276.91 100.00 -25.67 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ 1,754.00 17.07 -26.33 2.อาหารทะเลกระป๋อง 712.48 6.93 1.76 3.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 693.60 6.75 -29.04 4.ผลิตภัณฑ์ยาง 531.01 5.17 -16.41 5.อัญมณีและเครื่องประดับ 486.71 4.74 -31.76 อื่น ๆ 1,978.74 19.25 -27.38 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2552 (มค.- สค.) ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของไทยรองจากจีนและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- สค.) พบว่าปี 2552 (มค.- สค.) มีอัตราการขยายตัวลดลง 26.33 ในขณะที่ปี 2549 2550 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ44.83 17.40 และ 1.13 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
อาหารทะเลกระป๋องฯ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (ม.ค.- ส.ค.)พบว่าปี 2550 เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 6.04 ในขณะที่ปี 2549 2551 และ 2552 (ม.ค.- ส.ค.)มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.25 14.18 และ 1.76 ตามลำดับ เมื่อเทียบ กับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ผลิตภัณฑ์ยาง : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- สค.) พบว่า ปี 2552 (มค.- สค.) มีอัตราการขยายตัวลดลง 16.41 ในขณะที่ปี 2549 - 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 23.36 11.87 และ 11.22 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อัญมณีและเครื่องประดับ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 4 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549-2552 (ม.ค.- ส.ค.) พบว่า ปี 2549 และ ปี 2552 (ม.ค.- ส.ค.) ที่มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 1.84 และ 31.76 ในขณะที่ปี 2550 และ 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.37 และ 4.78 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว หมายเหตุ ล้านเหรียญสหรัฐ % 2. อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 712.48 1.76 12. ข้าว 240.45 3.68 23. รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 109.48 12.34 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2552 (ม.ค.- สค.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 22 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 1,754.00 -26.33 3.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 693.60 -29.04 4.ผลิตภัณฑ์ยาง 531.01 -16.41 5.อัญมณีและเครื่องประดับ 486.71 -31.76 6.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 457.27 -23.52 7.เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 385.93 -25.86 8.กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง 381.58 -5.88 9.แผงวงจรไฟฟ้า 320.61 -36.06 10.ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 304.83 -2.02 11.น้ำมันดิบ 268.48 -28.27 13.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล 184.22 -15.13 14.เครื่องโทรศัพท์ เครื่องตอบรับโทรศัพท์ 155.15 -21.07 15.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 150.32 -35.63 16.ยางพารา 148.40 -64.98 17.ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน 146.66 -28.19 18.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 146.25 -60.52 19.เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน 136.22 -16.60 20.เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน 130.73 -20.43 21.เลนซ์ 130.51 -14.96 22.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 126.10 -48.24 24.เครื่องยกทรง รัดทรง และส่วนประกอบ 99.34 -18.77 25.รองเท้าและชิ้นส่วน 97.86 -39.17 4.4 ข้อมูลเพิ่มเติม
สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษียางล้อรถยนต์ของจีน ส่งผลให้ผู้ส่งออกยางล้อรถของจีนได้รับผลกระทบที่ถูกปรับภาษีขึ้นถึงร้อยละ 31 (จากร้อยละ 4 เป็นร้อยละ 31 ในปีแรก) โดยทางการจีนยื่นฟ้องสหรัฐฯ ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) และใช้มาตรการทางการค้าตอบโต้สหรัฐฯ โดยประกาศไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าไก่และรถยนต์จากสหรัฐฯ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่าการส่งออกไก่ของสหรัฐฯ ไปจีนน่าจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันจีนเป็นตลาดส่งออกไก่ที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอุ้งเท้าไก่ การใช้มาตรการทางการค้าตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจเร่งให้กระแสการกีดกันทางการค้าทั่วโลกรุนแรงขึ้น ซ้ำเติมต่อภาวะการค้าโลกที่ซบเซาอยู่แล้วในปัจจุบัน และเป็นปัจจัยถ่วงการการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย นอกจากนี้ การส่งออกของจีนที่เผชิญกับปัญหาจากมาตรการกีดกันทางการค้า คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางไปจีนของประเทศในเอเชียและไทยสำหรับใช้ผลิตเพื่อส่งออกอาจต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย ในฐานะที่จีนเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกและยังมีบทบาทสำคัญในการนำเข้าสินค้าจากภูมิภาคเอเชียรวมทั้งไทยเพื่อผลิตและส่งออก
ปัญหาจากมาตรการกีดกันทางการค้าเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในที่ประชุมกลุ่มผู้นำจี 20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-25 กันยายนนี้ หากผู้นำกลุ่มจี 20 ยึดมั่นต่อข้อตกลงในที่ประชุมผู้นำกลุ่มจี 20 ใน 2 ครั้งก่อนหน้า ที่ให้ประเทศต่างๆ ร่วมกันเปิดตลาดสินค้าและลดมาตรการกีดกันทางการค้าที่เป็นรูปธรรม ก็คาดว่าอาจส่งผลให้บรรยากาศการค้าโลกปรับดีขึ้นและช่วยให้การค้าโลกหลุดพ้นจากภาวะหดตัวได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากมูลค่าการค้าของกลุ่มจี 20 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของการค้าโลก โดยสหรัฐฯ และจีนถือเป็นประเทศผู้ส่งออกและนำเข้ามีมูลค่าสูงอยู่ใน 3 อันดับแรกของโลก
สำหรับผลต่อประเทศไทยต่อการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ กับยางล้อรถยนต์จากจีนนั้น คาดว่า การส่งออกยางพาราของไทยอาจได้รับผลกระทบจากการที่ยางล้อรถยนต์ของจีนถูกสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษี ทำให้ความต้องการนำเข้ายางพาราจากจีนเพื่อผลิตเป็นยางล้อส่งออกไปสหรัฐฯ ชะลอลง แต่คาดว่าผลกระทบนี้อาจไม่รุนแรงนัก เนื่องจากยังมีความต้องการนำเข้ายางพาราจากจีนเพื่อใช้ผลิตยางล้อรถสนองความต้องการของตลาดรถยนต์ในจีนที่ยังเติบโตได้ดี เนื่องจากอานิสงส์ของมาตรการกระตุ้นการซื้อรถยนต์ของภาครัฐ นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษียางล้อของสหรัฐฯ จากจีน อาจเร่งให้ผู้ผลิตยางรถยนต์ของจีนอาจหันมาลงทุนผลิตยางล้อในไทยมากขึ้นด้วย
สำหรับการส่งออกยางล้อรถของไทยไปสหรัฐฯ อาจมีขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับยางล้อรถจีนที่ถูกปรับเพิ่มภาษี แต่การที่ทางการจีนอาจใช้มาตรการช่วยเหลือบริษัทผลิตยางล้อและบริษัทส่งออกยางล้อในประเทศ ตามข้อเรียกร้องของภาคเอกชน เช่น การปรับเพิ่มอัตราภาษีคืนภาคส่งออก (Rebate Tax) การปรับลดอัตราภาษีส่งออกและการใช้ยางล้อที่ผลิตในประเทศมากขึ้น อาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และส่งผลให้ขีดความสามารถด้านราคาของยางล้อรถจีนในสหรัฐฯ ดีขึ้น ทำให้ผลดีข้างต้นของการส่งออกยางล้อรถของไทยไปสหรัฐฯ ลดลงไป นอกจากนี้ การส่งออกยางล้อรถของไทยอาจต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นกับยางล้อของจีนทั้งในประเทศไทยและในตลาดประเทศที่สาม เนื่องจากผู้ส่งออกยางล้อของจีนอาจหันมาส่งออกไปตลาดอื่นๆ มากขึ้น ทดแทนตลาดสหรัฐฯ ที่ถูกปรับขึ้นภาษี
ส่วนการตอบโต้ทางการค้าของจีนที่มีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีสินค้าไก่จากสหรัฐฯ โดยอยู่ระหว่างการไต่สวนการทุ่มตลาดนั้น คาดว่าอาจไม่ได้ส่งผลดีต่อโอกาสการขยายการส่งออกไก่ของไทยไปจีนเท่าไรนัก เนื่องจากสินค้าไก่ที่ไทยส่งออกส่วนใหญ่เป็นไก่แปรรูป โดยมีตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่ง รองลงมาเป็นอังกฤษ (สัดส่วนร้อยละ 29) ขณะที่สินค้าส่งออกไก่ของสหรัฐฯ ที่จีนนำเข้าส่วนใหญ่เป็นอุ้งเท้าไก่ และการส่งออกของไทยไปจีนเป็นสินค้ากระดูกสัตว์ปีกและขนสัตว์ปีกและสินค้าปศุสัตว์อื่นๆ ซึ่งยังมีมูลค่าค่อนข้างน้อยเฉลี่ยปีละราว 3.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสินค้าไก่ของไทยไปจีนจะได้รับอานิสงส์จากสิทธิประโยชน์ด้านภาษีภายใต้กรอบความ ตกลง FTA อาเซียน-จีน ตั้งแต่ปี 2548 แล้วก็ตาม โดยอัตราภาษีสินค้าไก่ของไทยไปจีนในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5 และจะเหลือร้อยละ 0 ในวันที่ 1 มกราคม 2553 แต่มูลค่าส่งออกสัตว์ปีกของไทยไปจีนระหว่างปี 2548 ถึงปัจจุบันยังค่อนข้างน้อยและคงที่
ที่มา: http://www.depthai.go.th