แม้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัว แต่เศรษฐกิจของเวียดนามในไตรมาสที่สองของปี 2552 ได้ขยายตัวมากขึ้นทำให้ GDP growth ในช่วงครึ่งแรกของปีเป็น 3.9 % ( y—on—y) และคาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2552 จะเป็น 5.0 — 5.2% โดยมีภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม (รวมสาขาก่อสร้าง) เป็นตัวขับเคลื่อนรัฐบาลเวียดนามมั่นใจว่าเศรษฐกิจเวียดนามได้ปรับตัวดีขึ้นแล้วตั้งแต่ไตรมาสที่สองและได้พ้นจุดต่ำสุดของความเลวร้ายทางเศรษฐกิจแล้ว
เวียดนามตั้งเป้าขาดดุลการค้าปี 2552 ไว้ที่ 10 — 12 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นประมาณ 15.5 — 18.5 % ของเป้าหมายรายได้จากการส่งออกปี 2552 การเพิ่มขึ้นในการขาดดุลแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศเพราะผู้ผลิตของเวียดนามได้เพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องมืออุปกรณ์ เพื่อสนองตอบการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าการเติบโตถึง 10% คาดว่าการนำเข้าในปี 2552 จะเป็น 72.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่รายได้จากการส่งออกยากจะบรรลุเป้าหมายการเติบโต 3% ( คิดเป็นรายได้ 65 พันล้านเหรียญสหรัฐ ) ตามที่รัฐบาลตั้งไว้ได้เพราะรายได้จากการส่งออก 8 เดือนแรกของปีนี้เป็นเพียง 37 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วถึง 14% สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามคาดว่ารายได้จากการส่งออกปี 2552จะเป็นเพียง 56 — 58 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 7.5 — 10% จากปีที่แล้ว
กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม ( MPI) ได้จัดทำกรอบแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเวียดนามปี 2553 เพื่อยื่นต่อรัฐบาล โดยกำหนดตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญทุกตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2552 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีที่แสดงถึงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2552 จะฟื้นตัว
นอกจากนี้ สถาบันการเงินต่างประเทศยังเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะเริ่มฟื้นตัวโดยธนาคารโลกได้คาดคะนเว่า GDP growth ของโลกในปี 2553 จะเป็น 2% จากที่เคยคาดว่าจะติดลบ 2.9% ก่อนหน้านี้และ IMF คาดว่า GDP โลกปี 2553 จะเป็น 2.4% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคู่ค้าสำคัญของเวียดนามทั้งสิ้น
เวียดนามตั้งเป้าหมายส่งออกปี 2553 ว่าจะเพิ่มขึ้น 6% หรือคิดเป็นมูลค่า 66.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีมูลค่านำเข้า 77 พันล้านเหรียญสหรัฐ และขาดดุลการค้าจะเป็นประมาณ 15.8% ของรายได้จากการส่งออก
การส่งออกของไทยไปยังเวียดนาม ปี 2552 ประมาณการปี 2552 ล้านเหรียญสหรัฐ ล้านเหรียญสหรัฐ มค. 235.14 สค.-ธค. 2,025.0 กพ. 270.29 รวม มค.—ธค. 4,365.0 ( -13.0 %) มีค. 312.40 เมย. 336.57 พค. 378.00 มิย. 399.76 กค. 407.08 รวม มค.—กค. 2,339.25 (-26.2%)
จากสถิติของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในช่วง 7 เดือนแรก (มค.—กค.) ของปี 2552 การส่งออกจากไทยไปยังเวียดนามมีมูลค่า 2,339.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลง 26.2 % ( y — on — y)
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ามูลค่าการส่งออกได้เพิ่มขึ้นทุกเดือน ดังนั้นหากใช้มูลค่าการส่งออกเดือนกรกฎาคม 2552 เป็นฐานในการประมาณการมูลค่าการส่งออกของไทยไปเวียดนามในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปี 2552 แล้ว (โดยใช้มูลค่า 405 ล้านเหรียญสหรัฐ /เดือน) จะประมาณได้ว่าไทยสามารถส่งสินค้าออกไปยังเวียดนามทั้งปี 2552 เป็นมูลค่าประมาณ 4,365 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงจากมูลค่าส่งออกปี 2551 ถึง 13% แต่ก็ยังนับว่าสามารถส่งออกได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ เพราะอัตราการขยายตัวของการส่งออกติดลบน้อยลง ( ประมาณการไว้ว่าการส่งออกจะติดลบ 25% จากปี 2551 )
เป้าหมายการส่งออกไทยไปเวียดนามปี 2553
เป้าหมายการส่งออกของไทยไปเวียดนาม
เป้าหมายที่ตั้งไว้ การส่งออกจริง ล้านเหรียญสหรัฐ target growth (%) ล้านเหรียญสหรัฐ growth (%) 2551 5,000.0 +31.6% 5,017.8 +31.9% 2552 3,755.4 -25.0% 4,365.0* -13.0% 2553 4,585.0 +5.0% ที่มา : สคต.นครโฮจิมินห์
- ตัวเลขประมาณการ
จากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯและคู่ค้าที่สำคัญบางประเทศของเวียดนาม จะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตมากขึ้นในปี 2553 โดยกระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนามได้ตั้งเป้า GDP growth เป็น 6.5 — 7.0 % นอกจากนี้ เวียดนามจะเริ่มดำเนินการตามแผนการลงทุนปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน( infrastructure ) เช่น ถนน ท่าเรือ เป็นต้น ภายในปี 2553 รวมทั้งแผนการสร้างงานใหม่ถึง 1.6 ล้านงาน ซึ่งจะช่วยทำให้กำลังซื้อและความต้องการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงคาดว่าสินค้าไทยน่าจะส่งออกได้มากขึ้นกว่าปี 2552 โดยตั้งเป้าไว้ว่าการส่งออกของไทยไปเวียดนามจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 5%
- ขยายพื้นที่การเจาะตลาดมากขึ้นจากเดิมที่มุ่งเน้นเฉพาะตัวนครโฮจิมินห์ โดยการใช้วิธีการจัดงาน Thailand Exhibition และ Thailand Outlets ซึ่งเป็นช่องทางการเจาะตลาดที่ยังได้ผลดีสำหรับตลาดเวียดนาม
- หาช่องทางการค้าใหม่ ๆ เช่นการจัดคาราวานสินค้าไทย การจัดให้มีการพบปะเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ผลิตสินค้าไทยกับผู้ค้าในเขตปลอดภาษีชายแดน
- การศึกษา วิจัยเจาะลึกเพื่อหาทางลดต้นทุนค่าโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าจากไทยไปยังเวียดนาม ซึ่งจะช่วยทำให้สินค้าไทยมีศักยภาพการแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น
สคต.นครโฮจิมินห์
ที่มา: http://www.depthai.go.th