“อลงกรณ์”ฟื้นประชุมเจทีซีครั้งที่ 5 นัดเมียนม่าร์ ถกปลด92สินค้าต้องห้าม หวังขยายความร่วมมือการค้าลงทุน-เส้นทางขนส่งชายแดน รองรับระเบียงเศรษฐกิจ- เกตเวย์สู่ภูมิภาค
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11 - 13 ตุลาคมนี้ จะเดินทางเยือนสหภาพเมียนม่าร์ พร้อมหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากจังหวัดที่มีชายแดนติดสหภาพเมียนม่าร์ เพื่อเข้าพบและหารือผู้แทนภาคราชการระดับสูงของพม่า ได้แก่ รัฐมนตรีและรมช.กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากร และกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะมีการเจรจาความร่วมมือด้านเส้นทางขนส่งสินค้าชายแดนการจัดประชุมคณะกรรมการการค้าร่วมไทย-พม่า(เจทีซี) ครั้งที่ 5 การยกเลิกประกาศห้ามการนำเข้า-ส่งออกสินค้า 92 รายการพิธีการศุลกากรนำเข้า-ส่งออกเป็นต้น
“จะหารือถึงความเป็นไปได้ให้ผ่อนคลาย หรือ ยกเลิกประกาศห้ามการนำเข้า-ส่งออกสินค้าการค้าชายแดนและทางทะเลที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2542 รวม 4 ฉบับ รวมถึงรื้อฟื้นการประชุมเจทีซี ที่จัดครั้งสุดท้ายเมื่อปี2547 ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นกลไกสำคัญรองรับการแก้ไขปัญหาลดอุปสรรค สร้างความร่วมมือขยายการค้าการลงทุน ท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศให้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการยกฐานะอาเซียนเป็นเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า)ในวันที่ 1 มกราคม 2553”รมช.พาณิชย์ กล่าว
สำหรับการเชื่อมเส้นทางคมนาคมเพื่อรองรับระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกสู่ตะวันตก(East-West Economic Corridor : EWEC) ให้รองรับสินค้าผ่านจากจีนตอนใต้ออกไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง อาฟริกา และยุโรปได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปปรับปรุงเส้นทางขนส่ง 3 สาย ได้แก่ 1. การสร้างถนนเชื่อมระหว่างกาญจนบุรี — ทวาย 2. แม่สอด จ.ตาก-เมียวดี-กอกาเรก-มะละแหม่ง และ 3. สิงขร - มะริด ซึ่งทุกสายจะเชื่อมต่อจีนมาเข้าไทยและไปพม่า ทำให้ไทยเป็นประตูการค้า (เกตเวย์) ของภูมิภาคนี้
“จะเร่งผลักดันเปิดเส้นทางการค้าใหม่ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเส้นทางกาญจนบุรี - ทวาย ซึ่งเป็นเส้นทางที่ไปสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย มีระยะทาง 130 กม. จะส่งผลต่อการค้าการลงทุนภายในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยในปี 2551 มีการค้าระหว่างสองประเทศกว่า 156,000 ล้านบาท โดยกว่า 92%เป็นมูลค่าทางการค้าชายแดน 143,686 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าไทย-เมียนม่าร์ คิดเป็นสัดส่วน 20.2% ของการค้าชายแดนในภาพรวมของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน” นายอลงกรณ์ กล่าว
นอกจากนี้จะหารือความร่วมมือด้านพลังงานและไฟฟ้า โดยการไฟฟ้าภูมิภาค(กฟภ.)มีแผนงานที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจระบบไฟฟ้าในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความต้องการการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าอีกมาก และมีความสนใจที่จะรับถ่ายทอดเทคโนโลยีและการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้จากประเทศไทย
ที่มา: http://www.depthai.go.th