เพื่อการแก้ปัญหาจากสภาวการณ์หดตัวอย่างรุนแรงของตลาดปุ๋ยเคมีในประเทศเนื่องจากผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีที่มากกว่าความต้องการในตลาด สมาคมปิโตรเลียมและเคมีอุตสาหกรรมประเทศจีน ได้ยื่นเสนอขอดำเนินการปรับภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ ต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
เดือนกรกฎาคม 2009 ที่ผ่านมา สำนักตรวจตราและประสานงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศได้จัดการประชุมเสวนาถึงทิศทางกิจการอุตสาหกรรมขึ้นโดยทางสมาคมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมเคมีประเทศจีนได้เสนอว่า การผลิต ปุ๋ยไนโตรเจน ปุ๋ยฟอสเฟตและสารประกอบ ในท้องตลาดขณะนี้มีจำนวนมากทำให้ราคาขายต่ำเกินไป ผู้ประกอบการกำลังประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก
สถาบันการวางแผนอุตสาหกรรมปิโตเลียมและเคมีคาดการณ์ว่า ในปี2009 นี้ การผลิตยูเรียในประเทศมีกำลังผลิตถึง 63 ล้านตัน และมีปริมาณการผลิต 53 ล้านตันโดยประมาณ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีที่ปริมาณยูเรียมากเกินความต้องการเป็นพิเศษ และเนื่องจากความต้องการในตลาดที่มีไม่มากเท่า ทำให้ราคายูเรียหน้าโรงงานผลิต เหลือเพียง 1,400-1,450 หยวน/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการยูเรียหลายรายอยู่ในสภาพขาดทุน ทางสมาคมฯให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นโยบายเก็บภาษียูเรียและฟอสเฟตตามช่วงฤดูการผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมในปีที่ผ่านมา ทำให้ผลผลิตในประเทศมีมากเกิน แต่นโยบายกลับฉุดรั้งการส่งออกไว้เนื่องจากผลการดำเนินนโยบายข้างต้น ทำให้สถิติการส่งออกปุ๋ยเคมีลดลงร้อยละ 28.9 ตั้งแต่ช่วงเดือน มกราคม-กรกฎาคม 2009 หากยกเลิกนโยบายนี้ และดำเนินมาตรการภาษีศูนย์เปอร์เซนต์กับปุ๋ยเคมีทุกชนิด คาดว่าจะสามารถส่งเสริมปริมาณการส่งออกปุ๋ยเคมี ลดความตรึงเครียดของผู้ประกอบการได้
ทางสมาคมฯยังให้ข้อมูลเพิ่มอีกว่าปัญหาที่พบอีกข้อคือการแข่งขันการลงทุนในกิจการที่มากและเร็วเกินไป กิจการปุ๋ยเคมีในช่วงที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 36.23 โดยเฉพาะกิจการปุ๋ยฟอสเฟตที่มีอัตราการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 97.12 ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ทางรัฐบาลควรคัดสรรผู้ประกอบการผ่านมาตรการปล่อยสินเชื่อ และมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทส ณ นครเฉิงตู
ที่มา: http://www.depthai.go.th