เมืองหลวง : Washington , DC พื้นที่ : 9,161,923 ตารางกิโลเมตร ภาษาราชการ : English ประชากร : 301.6 ล้านคน (1 ก.ค. 2550) อัตราแลกเปลี่ยน : US$ : 33.1890 บาท (30/10/52) (1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ
ปี 2008 ปี 2009
Real GDP growth (%) 1.2 -2.0 Consumer price inflation (av; %) 3.8 -0.6 Budget balance (% of GDP) -3.2 -11.5 Current-account balance (% of GDP) -4.8 -3.5 Commercial banks' prime rate (year-end; %) 2.2 0.3 Exchange rate ฅ:US$ (av) 103.4 93.0 โครงสร้างสินค้าออกของไทยกับสหรัฐอเมริกา มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 11,910.31 100.00 -24.24 สินค้าเกษตรกรรม 1,070.70 8.99 -25.08 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 1,467.00 12.32 0.19 สินค้าอุตสาหกรรม 9,031.40 75.83 -27.06 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 341.21 2.86 -23.47 สินค้าอื่นๆ 0.01 0.0 โครงสร้างสินค้าเข้าของไทยกับสหรัฐอเมริกา มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นำเข้าทั้งสิ้น 6,059.97 100.00 -29.35 สินค้าเชื้อเพลิง 122.22 2.02 -43.16 สินค้าทุน 2,230.49 36.81 -24.10 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 2,837.46 46.82 -35.52 สินค้าบริโภค 760.37 12.55 -18.18 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง 74.55 1.23 -0.67 สินค้าอื่นๆ 34.88 0.58 80.34 1. มูลค่าการค้า มูลค่าการนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าของไทย - สหรัฐอเมริกา 2551 2552 %
(ม.ค.-ก.ย.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการค้ารวม 24,299.33 17,970.29 -26.05 การส่งออก 15,721.40 11,910.31 -24.24 การนำเข้า 8,577.93 6,059.97 -29.35 ดุลการค้า 7,143.47 5,850.34 -18.10 2. การนำเข้า ประเทศไทยนำเข้าจากสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 3 มูลค่า 6,059.97 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 29.35 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการนำเข้ารวม 6,059.97 100.00 -29.35 1.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 770.73 12.72 -5.42 2.แผงวงจรไฟฟ้า 677.67 11.18 -26.61 3.เคมีภัณฑ์ 567.52 9.37 -34.48 4.เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 440.47 7.27 1.93 5.เครื่องคอมพิวเตอร์ 414.00 6.83 -40.19 อื่น ๆ 648.84 10.71 -34.86 3. การส่งออก ประเทศไทยส่งออกไปสหรัฐอเมริกา เป็นอันดับที่ 1 มูลค่า 11,910.31 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 24.24 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการส่งออกรวม 107.13 0.90 -40.69 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ 2,059.26 17.29 -23.69 2.อาหารทะเลกระป๋อง 852.22 7.16 2.71 3.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 771.01 6.47 -29.41 4.ผลิตภัณฑ์ยาง 611.21 5.13 -15.43 5.อัญมณีและเครื่องประดับ 570.19 4.79 -31.09 อื่น ๆ 113.86 0.96 -16.63 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2552 (มค.- กย.) ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 2 ของไทยรองจากจีนและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่าปี 2552 (มค.- กย.) มีอัตราการขยายตัวลดลง 23.69 ในขณะที่ปี 2549 2550 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 44.83 17.40 และ 1.13 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
อาหารทะเลกระป๋องฯ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.)พบว่า ปี 2550 และ 2551 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.60 และ 22.37 ในขณะที่ปี 2549 และ 2552 (มค.- กย.)มีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 1.80 และ 10.96 ตามลำดับ เมื่อเทียบ กับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
เสื้อผ้าสำเร็จรูป : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่ามีอัตราการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่องร้อยละ 2.26 5.81 8.09 และ 29.04 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ผลิตภัณฑ์ยาง : สหรัฐอเมริกา เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่า ปี 2552 (มค.- กย.) มีอัตราการขยายตัวลดลง 15.43 ในขณะที่ปี 2549 - 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 23.36 11.87 และ 11.22 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
อัญมณีและเครื่องประดับ : สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 4 ของไทยและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549-2552 (มค.- กย.)พบว่าปี 2549 และ ปี 2552(มค.- กย.) ที่มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 1.84 และ 31.09 ในขณะที่ปี 2550 และ 2551 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.37 และ 4.78 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีก่อน
อันดับที่ / รายการ มูลค่าล้าน อัตราการ หมายเหตุ
เหรียญสหรัฐ ขยายตัว %
2. อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 852.22 2.71 12. ข้าว 267.13 7.78 23. รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 118.10 5.32 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปสหรัฐอเมริกา ปี 2552 (ม.ค.-ก.ย.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตราลดลง รวม 22 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2,059.26 -23.69 3.เสื้อผ้าสำเร็จรูป 771.01 -29.41 4.ผลิตภัณฑ์ยาง 611.21 -15.43 5.อัญมณีและเครื่องประดับ 570.19 -31.09 6.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 541.57 -21.99 7.เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ 479.31 -19.28 8.กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง 450.73 -5.19 9.แผงวงจรไฟฟ้า 362.30 -35.72 10.ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 333.74 -0.44 11.น้ำมันดิบ 318.61 -23.09 13.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล 213.76 -14.97 14. เครื่องโทรศัพท์ เครื่องตอบรับโทรศัพท์ 178.55 -19.49 15.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 172.00 -34.50 16.ยางพารา 171.70 -64.24 17.ส่วนประกอบอากาศยานและอุปกรณ์การบิน 170.20 -27.58 18.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 159.21 -64.09 19.เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน 158.36 -15.38 20.เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน 157.26 -18.01 21.เลนซ์ 152.59 -14.22 22.รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 150.51 -43.46 24.เครื่องยกทรง รัดทรง และส่วนประกอบ 113.86 -16.63 25.รองเท้าและชิ้นส่วน 107.13 -40.69 4.4 ข้อมูลเพิ่มเติม
Fashion Snoops (www.fashionsnoop.com) ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจ Online ให้คำปรึกษาการพยากรณ์แนวโน้มรูปแบบสินค้าได้คาดการณ์แนวโน้มสีสันของตลาดสินค้าของตกแต่งบ้านในสหรัฐฯ ปี 2553-2554 แยกเป็น 3 แนวทาง คือ
1. กลับไปสู่ความหลัง (Reclaim Trend) แนวโน้มการตกแต่งและสินค้า : ปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของผู้บริโภค เป็นผลให้เกิดการประหยัดในการใช้จ่าย ดังนั้น จึงก่อให้เกิดแนวโน้มการนำของที่ใช้แล้วหรือหมดสภาพแล้วมาปรับสภาพใหม่
2. สู่ความเรียบง่าย ( Humility Trend) แนวโน้มการตกแต่งและสินค้า: ภายใต้ความกดดันของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปัจจุบันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนสภาพการดำรงชีวิตของผู้บริโภคของสหรัฐฯจำนวนมาก จากที่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือยใช้ชีวิตแบบหรูหรา มาเป็นการใช้ชีวิตแบบดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น แนวโน้มจึงออกมาเป็นในรูปการละทิ้งความหรูหราและหันไปสู่ความเรียบง่าย ซึ่งเป็นการผสมผสานและโดยการดึงเอาธรรมชาติเข้าประกอบ เช่น ต้นไม้ เข้ามาเพื่อสร้างบรรยากาศและปลอบใจผู้บริโภค
3. ไขว่คว้าหาจุดหมาย (Explore Trend) แนวโน้มการตกแต่งและสินค้า : การนำ Modern Living ในช่วงปี ค.ศ. 1964 (พ.ศ. 2507) ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะตกต่ำ เข้ามาเป็นตัวนำและจุดประกาย โดยเน้นการใช้วัตถุดิบและด้านรูปแบบตามสไตล์ของสินค้า เช่น Fiber Glass, Resin, Wire Mesh เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ คือตัวชี้นำให้เห็นการหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในยุคนั้น ซึ่งหมายถึงการนำเอาความสำเร็จของอดีตกาลมาเป็นปลุกปั้น และสร้างบรรยากาศให้ปัจจุบัน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตัวโดยรวดเร็วในขณะนี้ อาจจะใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป อีก 2-3 ปี ถึงจะเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้บริโภคยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านการเงิน การเปลี่ยนแปลงวิธีการดำรงชีวิต ซึ่งจะส่งผลต่อความต้องการสินค้าและบริการ
แนวโน้มทั้ง 3 แนวทาง เป็นเพียงเครื่องชี้ถึงแนวทางการตกแต่งบ้านและสินค้าของตกแต่งบ้าน ซึ่งออกมาในรูปการปลอบใจผู้บริโภค ให้ความพอเพียง และสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน สีสันที่นำมาใช้จะไม่ฉูดฉาด สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ผลิต/ส่งออกไทยที่ต้องการจำหน่ายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ควรพิจารณานำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการนำเสนอสินค้าต่อผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ
ในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ที่มีแนวโน้มว่ารูปแบบรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯจะเป็นรถที่มีเทคโนโลยี่ก้าวหน้ากว่าปัจจุบันและอาจจะเป็นรูปแบบที่เปิดโอกาสให้กับการตกแต่งเพื่อให้สอดคล้องกับความชอบของแต่ละบุคคล สินค้าที่มีโอกาสขายในกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของรถยนต์ การตกแต่งที่กำลังได้รับความนิยมอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติม จากการสำรวจทัศนคติของผู้บริโภคประจำปี 2009 ของ Aftermarket Business พบว่า
1. แม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ ผู้บริโภคไม่ซื้อรถใหม่ แต่ผู้บริโภคยังคงทำการบำรุงรักษารถอย่างสม่ำเสมอ
2. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการบริโภคชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เป็น aftermarket ก็คือ คำแนะนำของช่างซ่อมรถที่เป็นมืออาชีพ ยี่ห้อสินค้า สรรพคุณของปฎิบัติการ และราคา
3. ส่วนใหญ่ผู้บริโภคจำเป็นต้องเปลี่ยนเบรคเมื่อรถเกิน 120,000 ไมล์ และจะซื้อชิ้นส่วนอุปกรณ์เบรคจากร้านค้าอาไหล่รถยนต์ที่เป็น chain stores
4. เงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อโครงรถ (chassis) ก็คือสรรพคุณของปฏิบัติการที่โฆษณาและคำแนะนำจากช่างมืออาชีพ ส่วนใหญ่ของผู้ซื้อจะทำการสำรวจราคาก่อนตัดสินใจซื้อ
5. เงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อท่อไอเสีย (exhaust) คือ คำแนะนำของช่างมืออาชีพ
6. ส่วนใหญ่ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนรังผึ้งกรองอากาศ และ น้ำมัน ทุกๆสองถึงห้าปีเงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อก็คือคำแนะนำของช่างมืออาชีพ
7. ส่วนใหญ่ของผู้บริโภคจะเปลี่ยนระบบดุมล้อ (hub systems) รถที่อายุเกิน 9 ปีขึ้นไปเงื่อนไขในการตัดสินใจซื้อคือสรรพคุณของปฏิบัติการที่โฆษณาและคำแนะนำของช่างมืออาชีพ
8. shocks และ struts ส่วนใหญ่ของรถที่เกิน 120,000 ไมล์ และผู้บริโภคจะเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมๆกัน
9. ส่วนใหญ่ของผู้บริโภคจะเปลี่ยน spark plugs ทุกๆสองหรือสามปี เงื่อนไขสำคัญในการตัดสินใจซื้อคือยี่ห้อของสินค้า และจะซื้อสินค้าที่มีอายุใช้งานเกิน 30,000 ไมล์
10. ผู้บริโภคจะเปลี่ยน starters และ alternators ก็ต่อเมื่อช่างมืออาชีพแนะนำ และจะซื้อสินค้าตามสรรพคุณของปฏิบัติการที่โฆษณา
การส่งออกเม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกปี 2552 ยังมีแนวโน้มดี แม้ว่าประเทศผู้นำเข้าจะมีปัญหาเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันผลิตภัณฑ์พลาสติกกลายมาเป็นสินค้าจำเป็นต่อการบริโภคแล้ว ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกปีหน้าว่า ปีนี้ ผลิตภัณฑ์พลาสติก เรียกได้ว่าไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจเลย เพราะผู้ผลิตมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดี ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะจีน ดังนั้นการส่งออกไตรมาส 4 ปีนี้คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากต้นปี โดยทั้งปีคาดว่า มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกอยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2551 ที่มีมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท ขณะที่การส่งออกเม็ดพลาสติกปีนี้ จะมีมูลค่าถึง 1.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยปี 2553 คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่อง หรือปีละ 3-4 % ผู้ส่งออกพลาสติกไทยจะหาตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความสามารถในการผลิตที่มี เช่น ขยายตลาดพลาสติกในสหรัฐ เพิ่มขึ้น โดยหาลูกค้าใหม่ๆ ปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์และเม็ดพลาสติกของไทย อยู่ในตลาดเอเชียแปซิฟิกถึง 50% ได้แก่ จีน อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ขณะที่ตลาดสหภาพยุโรป (อียู) อยู่ที่ 20 % ที่เหลือเป็นตลาดสหรัฐ ที่ยังมีสัดส่วนไม่มากทำให้ผู้ส่งออกต้องการขยายตลาดสหรัฐมากขึ้น เพื่อให้ตลาดสหรัฐเป็นฐานส่งออกไปในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เพราะในอนาคตสหรัฐอาจเป็นตลาดสำคัญของผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทย
ที่มา: http://www.depthai.go.th