สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก ขอรายงานภาวะการค้าระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ และประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2552 เนเธอร์แลนด์นำเข้าจากไทยมูลค่า 2,257.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ -31.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 (มูลค่า 3,281.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และคิดเป็นมูลค่าร้อยละ 54.05 ของมูลค่าการนำเข้ารวมจากไทยปี 2551 (4,175.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
1. เมื่อเปรียบเทียบการส่งออกระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์กับไทย-สหภาพยุโรป (25 ประเทศ)
ในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2552 มีอัตราส่วนแบ่งตาม ตารางที่ 1 ดังนี้
ลำดับ ประเทศ มูลค่า(ล้าน USD) ส่วนแบ่ง (%)
สหภาพยุโรป 12,973.40 100.00
1 อังกฤษ 2,340.10 18.03
2 เนเธอร์แลนด์ 2,257.30 17.39
3 เยอรมนี 1,851.60 14.27
4 ฝรั่งเศส 1,103.50 8.50
5 เบลเยี่ยม 962.50 7.41
เนเธอร์แลนด์นำเข้าสินค้าไทยมาก (ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ) อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากการที่
1) ผู้นำเข้าดัชท์มีความเชื่อมั่นในศักยภาพโดยรวมของสินค้าไทย ซึ่งมีสถานะเหนือคู่แข่งด้วยการเน้นผลิตสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานสอดคล้องกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป
2) สินค้าไทยมีการพัฒนารูปแบบ การออกแบบดีขึ้น มีศักยภาพในการผลิตสินค้าประเภท Tailor Made ผู้ผลิต/ส่งออกมีความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ฯลฯ ทำให้เป็นที่ยอมรับ สามารถจำหน่ายและกระจายไปได้ทั่วสหภาพฯ ดังนั้น สิ่งที่ผู้ผลิต/ส่งออกไทยต้องเน้นและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องได้แก่ การพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านคุณภาพ การออกแบบ การวิจัยและพัฒนาสินค้า(R&D) การฝึกอบรมบุคลากรให้มีความรู้และเชี่ยวชาญ รวมทั้งระบบ Logistics ที่มีประสิทธิภาพและครบวงจร เพื่อนำเสนอสินค้ารูปแบบใหม่ ๆ รายการใหม่ ๆ ที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายป่า (เช่น ป่าชายเลน) ไม่ใช้แรงงานเด็ก มีสวัสดิการช่วยเหลือแรงงาน มีการดำเนินการด้านการรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility หรือ CSR) มีขบวนการผลิตที่มีผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนน้อยที่สุด ซึ่งจะใช้เป็นจุดขายและประชาสัมพันธ์ได้อย่างดี ทั้งยังเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดให้ผู้นำเข้าดัชท์เพิ่มความสนใจสั่งซื้อเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง(Differentiation) และ Create Demand นอกจากนี้ในปัจจุบัน จีนประสบปัญหาการผลิตสินค้าส่งออกที่ด้อยมาตรฐาน ถูกเรียกคืนจากสหรัฐฯ และสหภาพฯ เป็นประจำผู้ผลิต/ส่งออกไทยควรติดตามใช้เป็นกรณีศึกษาที่ต้องหลีกเลี่ยง เพิ่มความระมัดระวังในการผลิตสินค้า และเร่งใช้ประโยชน์จากโอกาสดังกล่าวโดยด่วน และสินค้าไทยก็ยังมีชื่อเสียงอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าจีน ในช่วงที่ผ่านมาผู้นำเข้าดัชท์หลายรายที่เคยนำเข้าจากจีนติดต่อ สคต. ณ กรุงเฮก สนใจนำเข้าจากไทยโดยเน้นสินค้าคุณภาพและมีการออกแบบทันสมัย ฯลฯ ดังข้างต้น
สำนักงานฯ ณ กรุงเฮก ขอเรียนว่า ประเทศคู่แข่งอื่น ๆ ต่างปรับตัวตลอดเวลา เพื่อขยายการส่งออกและช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด เช่น ผลิตสินค้าคุณภาพสูง พัฒนาการออกแบบ มุ่งตลาดบน/ผู้มีฐานะดี ฯลฯ
ประเทศ การส่งออกจริง เป้าหมายการส่งออก อัตราการ การส่งออกช่วง อัตราการขยายตัว
ปี 2551 ปี 2552 ขยายตัว(%) ม.ค.-ก.ย.2552 ในช่วง 9 เดือน (%)
เนเธอร์แลนด์ 4,175.80 4,134.04 -1.00 2,257.30 54.60
ปี 2552 กรมส่งเสริมการส่งออก ตั้งเป้าการส่งออกไปเนเธอร์แลนด์ให้มีอัตราการลดลงร้อยละ -1 อัตราการขยายตัวเมื่อเทียบ1) 9 เดือนปี 2552 กับช่วงเดียวกันปี 2551 ลดลงร้อยละ 54.60
2) เป้าหมายปี 2552 ตั้งเป้าการส่งออกขยายตัวลดลงร้อยละ -1
3) เป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม 2) มีอัตราขยายตัวร้อยละ 54.60
ทั้งนี้ เพื่อเอื้ออำนวยให้การส่งออกของไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องกำหนดยุทธศาสตร์สินค้าอย่างครบวงจร ครอบคลุมการปรับปรุงและพัฒนาระบบ Logistics อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการที่เกี่ยวข้องดำเนินไปได้อย่างราบรื่น (เช่น ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบต่าง ๆ การออกข่าวที่เป็นลบ ฯลฯ ซึ่งล้วนบั่นทอนเสถียรภาพ ความมั่นคง ความเชื่อมั่นของผู้นำเข้า และการส่งออก/การแข่งขันของสินค้าไทย ในที่สุดรายได้เงินตราต่างประเทศลดลง เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ โดยที่ประเทศคู่แข่งขันไม่ต้องออกแรงต่อสู้กับสินค้าไทยแต่อย่างใด) การกำหนดแนวทางและดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพ การรักษาค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ อยู่ในระดับที่เหมาะสมและเสริมการค้าระหว่างประเทศ
3.1 มูลค่าการค้ารวม 2,840.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ -31.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2551 (มูลค่า 4,174.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
1) การส่งออกของไทย -ในช่วงดังกล่าวมีมูลค่ารวม 2,257.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ-31.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 (มูลค่า 3,281.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
2) การนำเข้าของไทย — ไทยนำเข้าสินค้าจากเนเธอร์แลนด์ มูลค่ารวม 583.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -34.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 (มูลค่า 893.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
3) ดุลการค้า - ไทยได้เปรียบดุลการค้ากับเนเธอร์แลนด์ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2552 มูลค่า 1,674.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -29.88 (ปี 2551 มูลค่า 2,387.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
(มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ)
2551 2552 %
(ม.ค.-ก.ย.) (ม.ค.-ก.ย.)* เพิ่ม/ลด
การค้ารวม 4,174.80 2,840.40 -31.96
ไทยส่งออก 3,281.30 2,257.30 -31.21
ไทยนำเข้า 893.50 583.10 -34.74
ดุลการค้า 2,387.80 1,674.20 -29.88
3.2 สินค้ารายการสำคัญที่ไทยส่งออก
1) ภาพรวมสินค้าที่ไทยส่งออกไปเนเธอร์แลนด์ 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เลนส์
ลำดับ รายการสินค้า มูลค่า อัตรา
(ม.ค.-ก.ย. 2552)* การขยายตัว
(ล้าน USD) (%)
1 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 607.3 -43.49
2 แผงวงจรไฟฟ้า 266.3 -22.62
3 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 249.3 5.01
4 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 88.7 19.94
5 เลนส์ 81.1 5.33
6 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 73.9 -3.60
7 ไก่แปรรูป 72.2 -37.15
8 รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 69.1 61.73
9 เคมีภัณฑ์ 66.8 -11.67
10 ผลิตภัณฑ์ยาง 57.8 -0.78
ข้อสังเกต : คณะนโยบายการเงินมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.25 สศค. วิเคราะห์ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/52 มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ล่าสุดมูลค่าการส่งออกเดือน ก.ย. 52 หดตัวเพียงร้อยละ 8 ต่อปี น้อยที่สุดในรอบ 9 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะต่อไป ทั้งนี้ คาดว่า ธ. พาณิชย์จะเริ่มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ช่วงปลายปี 52 ถึงต้นปี 53 เป็นต้นไป เนื่องจากความต้องการสินเชื่อในไตรมาส 4/52 ที่จะเพิ่มขึ้น ทั้งจากผู้ส่งออกที่เร่งผลิตสินค้าเพื่อสร้างสต๊อกรองรับกับช่วงเทศกาลปีใหม่ และภาคการท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
เพิ่มขึ้น 10 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ (ร้อยละ 5.01) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป(ร้อยละ 19.94) เลนซ์ (ร้อยละ 5.33) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (ร้อยละ 61.73) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 26.13) เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน (ร้อยละ 12.31) สิ่งปรุงรสอาหาร (ร้อยละ 8.52) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า (ร้อยละ 132.35) เมล็ดผักและสปอร์ที่ใช้สำหรับการเพาะปลูก (ร้อยละ 119.76) กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง (ร้อยละ 88.10)
ลดลง 10 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ร้อยละ —43.49) แผงวงจรไฟฟ้า (ร้อยละ -22.62) เสื้อผ้าสำเร็จรูป (ร้อยละ —3.60) ไก่แปรรูป (ร้อยละ —37.15) เคมีภัณฑ์ (ร้อยละ -11.67) ผลิตภัณฑ์ยาง (ร้อยละ —0.78) ข้าว (ร้อยละ —52.90) เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ (ร้อยละ -43.73) ผ้าผืน (ร้อยละ —24.69) เครื่องโทรสารและโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบอื่น ๆ (ร้อยละ —12.38)
2) รายการสินค้าที่ไทยส่งออกใน 3 หมวดสำคัญ
ตารางที่ 5 : การส่งออกสินค้าใน 3 หมวดสำคัญช่วง 9 เดือนแรก ปี 2552
ลำดับ รายการสินค้า มูลค่า(ม.ค-ก.ย 52)* อัตราการ
(ล้าน USD) ขยายตัว(%)
1 หมวดสินค้าแร่ธาตุและสินค้าเกษตร
ข้าว 33.3 -52.90
ยางพารา 8.1 -64.33
กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 7.7 88.10
ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง 5.1 -20.69
ดีบุก 3.3 -84.39
2 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร
ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 88.7 19.94
ไก่แปรรูป 72.2 -37.50
ผลิตภัณฑ์ยาง 57.8 -0.78
เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์ 21.3 -2.44
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 12.8 -87.46
3 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม
เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 607.3 -43.49
แผงวงจรไฟฟ้า 266.3 -22.62
เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 249.3 5.01
เลนซ์ 81.1 5.33
เสื้อผ้าสำเร็จรูป 73.9 -3.60
รายละเอียดสินค้าโดยสรุป 5 รายการแรก
หมวดสินค้าแร่ธาตุและเกษตรที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น เมล็ดผักและสปอร์ที่ใช้สำหรับการเพาะปลูก (ร้อยละ 119.76) กุ้งสดแช่เย็น แช่แข็ง (ร้อยละ 88.10) ใบยาสูบ (ร้อยละ 390.54) ปลาแห้ง (ร้อยละ 6.48) สินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ (ร้อยละ 711.01)
ลดลง เช่น ข้าว (ร้อยละ —52.90) ยางพารา (ร้อยละ —64.33) ผลไม้แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง(ร้อยละ —20.69) ผักสดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง (ร้อยละ -27.81) ดีบุก (ร้อยละ —84.39)
เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้กระป๋องและแปรรูป(ร้อยละ 19.94) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (ร้อยละ 26.13) สิ่งปรุงรสอาหาร (ร้อยละ 8.52) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (ร้อยละ 5.07) อาหารสัตว์เลี้ยง (ร้อยละ 21.11)
ลดลง เช่น ไก่แปรรูป (ร้อยละ —37.15) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (ร้อยละ —87.46) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (ร้อยละ —35.42) เครื่องเทศและสมุนไพร (ร้อยละ —7.24) น้ำตาลทราย (ร้อยละ —73.28)
เพิ่มขึ้น เช่น เลนซ์ (ร้อยละ 5.33) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (ร้อยละ 61.73) เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน (ร้อยละ 12.31) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า (ร้อยละ 132.35) เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ (ร้อยละ 8.80)
ลดลง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (ร้อยละ -43.49) แผงวงจรไฟฟ้า (ร้อยละ —22.62) เสื้อผ้าสำเร็จรูป (ร้อยละ —3.60) เคมีภัณฑ์ (ร้อยละ —11.67) ผลิตภัณฑ์ยาง (ร้อยละ —0.78)
3.2 สินค้ารายการสำคัญที่ไทยนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2552 ไทยนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์มูลค่า 583.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ -34.74 เมื่อเทียบกับการนำเข้าใน ช่วงเดียวกันปี 2551 (มูลค่า 893.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบเคมีภัณฑ์ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม
ตารางที่ 6 : รายการสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ 10 อันดับแรก
ลำดับ รายการสินค้า มูลค่า อัตรา
(ม.ค.-ก.ย. 2552)* การขยายตัว
(ล้าน USD) (%)
1 แผงวงจรไฟฟ้า 120.5 -24.85
2 เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 70.8 1.11
3 เคมีภัณฑ์ 61.2 -49.11
4 สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ 31.1 43.69
5 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 30.4 -6.51
6 กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ 30.3 227.83
7 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 29.1 -76.94
8 ผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ 26.7 -13.69
9 เครื่องมือเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ การแพทย์ 21.8 2.09
10 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 17.5 -80.31
4. ภาวะการแข่งขันของสินค้าไทย 3 รายการแรกในตลาดเนเธอร์แลนด์ ช่วง 6 เดือน (มกราคม — มิถุนายน) ปี 25524.1 Automatic Data Processing Storage Unit (รหัส 847170) มูลค่าการนำเข้ารวม 1,997.02 ล้านเหรียญฯ (ลดลง ร้อยละ -25.05) แหล่งที่นำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย(ส่วนแบ่งการนำเข้า ร้อยละ 25.0) จีน (ร้อยละ 12.49) อังกฤษ (ร้อยละ 11.44) สิงคโปร์ (ร้อยละ 7.23) เยอรมนี (ร้อยละ 6.08)
4.2 Machine F R/C/T or Rege of Vo (รหัส 851762) มูลค่าการนำเข้ารวม 3,729.42 ล้านเหรียญฯ (ลดลงร้อยละ -23.27) แหล่งที่นำเข้า 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย(ส่วนแบ่งการนำเข้า ร้อยละ 16.86) สาธารณรัฐเชค (ร้อยละ 16.3) จีน (ร้อยละ 10.92) ฮ่องกง (ร้อยละ 10.85) สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 10.81) ไทย (ร้อยละ 3.92 อันดับ 11)
4.3 Prepared Preserved Chicken Meat (รหัส 160232) มูลค่าการนำเข้ารวม 249.36 ล้านเหรียญฯ (ลดลง ร้อยละ -7.09) แหล่งที่นำเข้า 5 อันดับแรกได้แก่ บราซิล(ส่วนแบ่งการนำเข้า ร้อยละ 46.93) ไทย (ร้อยละ 24.81) เบลเยี่ยม (ร้อยละ 9.68) เยอรมนี(ร้อยละ 7.11) ฝรั่งเศส (ร้อยละ 4.75)
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก
ที่มา: http://www.depthai.go.th