เมืองหลวง : Beijing พื้นที่ : 9,561,000 ตารางกิโลเมตร ภาษาราชการ : Putonghua, or Standard Chinese ประชากร : 1.31 พันล้านคน (end-2006) อัตราแลกเปลี่ยน : CNY : Baht 4.8597 (3/11/52) (1) เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจ
ปี 2551 ปี 2552
Real GDP growth (%) 9.0 6.0 Consumer price inflation (av; %) 5.9 -0.2 Budget balance (% of GDP) -0.1 -3.6 Current-account balance (% of GDP) 10.2 6.1 Commercial banks' prime rate (year-end; %) 5.6 5.4 Exchange rate ฅ:US$ (av) 6.95 6.84 โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยกับจีน มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สินค้าออกสำคัญทั้งสิ้น 11,109.27 100.00 -14.02 สินค้าเกษตรกรรม 1,769.37 15.93 -19.83 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 169.45 1.53 -7.78 สินค้าอุตสาหกรรม 8,355.59 75.21 -6.90 สินค้าแร่และเชื้อเพลิง 814.86 7.33 -47.58 สินค้าอื่นๆ 0.0 0.0 -100.00 โครงสร้างสินค้านำเข้าของไทยกับจีน มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นำเข้าทั้งสิ้น 11,847.75 100.00 -25.25 สินค้าเชื้อเพลิง 79.75 0.67 -64.70 สินค้าทุน 5,157.94 43.54 -14.43 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป 3,779.64 31.90 -40.73 สินค้าบริโภค 2,596.08 21.91 -12.86 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ 182.84 1.54 -22.59 สินค้าอื่นๆ 51.50 0.43 1,150.57
ข้อสังเกต : (สำหรับสินค้าอื่น ๆ ในปี 2552 (มค.- กย.) มีมูลค่าการนำเข้า 51.5 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการนำเข้าเพียง 4.12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้มีอัตราการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1,150.57)
2551 2552 %
(ม.ค.—ก.ย.) ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการค้ารวม 28,770.16 22,957.02 -20.21 การส่งออก 12,920.74 11,109.27 -14.02 การนำเข้า 15,849.42 11,847.75 -25.25 ดุลการค้า -2,928.68 -738.48 -74.78 2. การนำเข้า จีนเป็นตลาดนำเข้าอันดับที่ 2 ของไทย มูลค่า 7,218.17 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 28.03 สินค้านำเข้าสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการนำเข้ารวม 11,847.75 100.00 -25.25 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ฯ 2,001.95 16.90 -6.98 2.เครื่องจักรไฟฟ้าฯ 1,564.65 13.21 -13.64 3.เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 1,199.65 10.13 -17.64 4.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 985.41 8.32 -19.80 5.เคมีภัณฑ์ 821.62 6.93 -29.54 อื่น ๆ 1,349.26 11.39 -23.00 3. การส่งออก จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 3 ของไทย มูลค่า 6,863.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 18.25 สินค้าส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่ มูลค่า : สัดส่วน % % เพิ่ม/ลด
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
มูลค่าการส่งออกรวม 11,109.27 100.00 -4.97 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ 3,073.67 27.67 -18.85 2.ยางพารา 958.47 8.63 -40.52 3..เคมีภัณฑ์ 927.10 8.35 50.77 4.เม็ดพลาสติก 799.81 7.20 -11.53 5.แผงวงจรไฟฟ้า 550.29 4.95 -12.92 อื่น ๆ 1,284.44 11.56 -12.46 4. ข้อสังเกต 4.1 สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีน ปี 2552 ไตรมาสที่ 3 (มค.- กย.) ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ : จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 0.79 59.89 และ 21.91 ตามลำดับ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 อัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 18.85 ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 23.16
ยางพารา : จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 66.11 17.51 และ 21.74 ตามลำดับ ในขณะที่ ปี 2552 (มค.- กย.) มีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 40.52 เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เคมีภัณฑ์ : จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่า ปี 2551 เป็นครั้งแรกที่มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 36.83 ในขณะที่ปี 2549 2550 มีอัตราการขยายตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 126.08 9.49 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 มีอัตราขยายตัวร้อยละ 50.77 มากกว่าในไตรมาสที่ 2 ซึ่งมีอัตราขยายตัวเพียงร้อยละ 38.58
เม็ดพลาสติก : จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 1 ของไทย และเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.) พบว่ามีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องร้อยละ 18.95 9.33 และ 8.08 ตามลำดับ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 มีอัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 11.53 ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสที่ 2 ที่มี อัตราขยายตัวลดลงร้อยละ 17.21
แผงวงจรไฟฟ้า : จีนเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ 4 ของไทย รองจาก ญี่ปุ่นและเมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกปี 2549 — 2552 (มค.- กย.)พบว่า ปี 2551 และ 2552 (มค.- กย.) มีอัตราการขยายตัวลดลงร้อยละ 10.26 และ 12.92ในขณะที่ปี 2549 และ 2550 มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.64 และ 33.11 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
4.2 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดจีนปี 2552 (ม.ค.-ก.ย.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตรา
เพิ่มสูง มีรวม 12 รายการ คือ
อันดับที่ / รายการ 2551 2552 อัตราการขยายตัว หมายเหตุ (ม.ค.- กย.) %
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
3.เคมีภัณฑ์ 614.90 927.10 50.77 7.ผลิตภัณฑ์ยาง 403.96 532.00 31.70 8.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 269.29 462.50 71.75 9.ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 222.46 274.16 23.24 10.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ 207.24 231.52 11.72 12.ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 121.28 161.50 33.16 14.มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 142.54 143.30 0.53 17.เครื่องโทรศัพท์/ตอบรับ 36.67 86.63 136.24 19.เครื่องตัดต่อและป้องกัน 77.41 80.98 4.61 21.ทองแดงและของทำด้วยทองแดง 76.42 80.07 4.78 22.เลนซ์ 64.80 73.14 12.87 23.เครื่องคอมฯของเครื่องทำความเย็น 61.77 69.95 13.25 4.3 ในบรรดาสินค้าส่งออกจากไทยไปตลาดจีนปี 2552 (ม.ค.-ก.ย.) 25 รายการแรก สินค้าที่มีอัตรา ลดลง รวม 13 รายการ คือ อันดับที่ / รายการ มูลค่า อัตราการขยายตัว ล้านเหรียญสหรัฐ % 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ 3,073.67 -18.85 2.ยางพารา 958.47 -40.52 4.เม็ดพลาสติก 799.81 -11.53 5.แผงวงจรไฟฟ้า 550.29 -12.92 7.น้ำมันสำเร็จรูป 517.67 -43.79 11.น้ำมันดิบ 171.95 -68.06 13.วงจรพิมพ์ 155.90 -1.19 15.ข้าว 96.12 -0.29 16.เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 91.97 -23.97 18.เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 85.86 -17.71 20.ผลิตภัณฑ์พลาสติก 80.80 -16.13 24.เครื่องทำสำเนา 64.26 -47.57 25.เครื่องพักกระแสไฟฟ้า 55.22 -10.62 4.4 ข้อมูลเพิ่มเติม
แม้วิกฤตเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปอย่างรุนแรง เห็นได้จากผลประกอบการภาคธุรกิจและผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ติดลบ การว่างงานในสหรัฐล่าสุดเดือนก.ย.สูงขึ้นอยู่ที่ 9.8% แต่ทว่าประเทศจีนสามารถฝ่าวิกฤตปัญหา และนำพาเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 3 ขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจเกิน 8% เพราะเศรษฐกิจภายในประเทศของจีน โดยเฉพาะการอุปโภคบริโภคในประเทศไม่ได้ติดลบตามไปด้วย โดยตลาดจีนยังขยายตัวต่อเนื่องในระดับสูงใกล้เคียงกับระดับเดิม จากนี้ไปโลกจะได้เห็นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีจีนก้าวขึ้นมาเป็นตัวละครสำคัญอย่างมีวิวัฒนาการที่เห็นได้ชัด มีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในกระบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกสูง สร้างความสมดุลใหม่ในลักษณะความร่วมมือประชาคมในภูมิภาคอาเซียนกับจีน ขณะที่การค้าระหว่างไทย-จีนมีการโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดในปี 2008 จีนมีมูลค่าการส่งออกมาไทย 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปจีน 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการขยายตัวทางการค้าที่เพิ่มขึ้น 16.98% เฉลี่ย 3 ปี ขยายตัว 80% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มีประเทศคู่ค้าประเทศไหนทำได้สูงเท่านี้
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายเฉิน เตอ หมิง (H.E. Mr. Chen De Ming) รัฐมนตรีพาณิชย์สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านมาตรฐาน กฎระเบียบทางเทคนิคและการตรวจสอบและรับรองระหว่างอาเซียนและจีน ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2552 ณ จังหวัดเพชรบุรี การเสริมสร้างความร่วมมือดังกล่าวกับจีน จะทำให้ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกอาเซียนจะได้รับประโยชน์ในการรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐานกฏระเบียบทางเทคนิค และพัฒนาทักษะและความ สามารถของบุคคลากรที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบรับรองมาตรฐานสินค้าของไทย เพื่อปรับกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบตามที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
วันที่ 12 ธันวาคม นี้ นครคุนหมิงจะเปิดศูนย์กระจายสินค้าส่ง-ปลีกแห่งใหม่ชื่อ "หลัว ซือ วัน" เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบการชาวจีน และชาวต่างชาติเข้ามาเช่าพื้นที่ทำการค้า โดยมีพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทย 20,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) และมอบสิทธิพิเศษให้ด้วย โดยให้เช่าพื้นที่ฟรีใน 1 ปีแรก ส่วนปีต่อไปเสียค่าเช่าเพียงเดือนละ 150 บาทต่อ ตร.ม. โดยศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวจะเป็นประตูกระจายสินค้าไทยเข้าไปสู่ตลาดจีน และประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนได้อีกด้วย ศูนย์กระจายสินค้าดังกล่าวถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย ในการเข้ามาเจาะตลาดแถบพื้นที่ตะวันตกของจีน โดยจีนเตรียมสร้างรถไฟฟ้าผ่านโครงการดังกล่าว คาดว่าจะเสร็จภายใน 1-2 ปี ซึ่งจะช่วยให้พื้นที่ย่านนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในหลายส่วนยังมองภาพไม่ชัดเจน ซึ่งประธานหอการค้าแต่ละภาคต้องนำโครงการดังกล่าวไปเสนอกับสมาชิก เพื่อสอบถามความสนใจในการเข้ามาร่วมเช่าพื้นที่ โดยต้องคัดสินค้าที่เหมาะสมกับแต่ละมณฑลมาจำหน่าย เพื่อให้เจาะตลาดได้มากขึ้น
บริษัทแพรนด้า จิวเวลรี่ได้เริ่มเข้ามาตั้งโรงงานในจีนเมื่อปี 2547 ในรูปแบบของทุนต่างชาติ 100% ซึ่งในระยะแรก เน้นการใช้จีนเป็นฐานผลิตเพื่อการส่งออก แต่ต่อมาประมาณปี 2550 ได้ตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น "ผลิตในจีน ขายในจีน" (Made in China, Sold in China) เพราะตระหนักถึงศักยภาพ และกำลังซื้อที่มหาศาลของตลาดจีน บริษัทจึงเริ่มหันมาพัฒนาสร้างตราสินค้าของตัวเองในจีน และจนถึงวันนี้ มีเคาน์เตอร์จำหน่ายปลีก 8 แห่ง และมีร้านแฟรนไชส์อีก 2 แห่ง โดยเน้นในกลุ่มสินค้าเครื่องประดับเงิน และวางตำแหน่งในตลาดระดับกลาง-บน ภายใต้ตราสินค้า ESSE เน้นจุดแข็งในเรื่องคุณภาพโดยการฝังพลอยด้วยมือ ซึ่งใช้ฝีมือในการเชื่อมทุกจุด ในขณะที่สินค้าคู่แข่งในจีนส่วนใหญ่เป็นงานติดกาว ถ้าลงไปเล่นตลาดล่าง ก็คงจะสู้คู่แข่งจีนได้ยาก ขณะที่ต้นทุนของแพรนด้าสูงกว่า อาทิเช่น เราจ่ายค่าแรงแพงกว่า เพราะต้องทำตามกฎหมายจีนทุกประการ จึงต้องเน้นสร้างความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพการผลิตและการออกแบบ ด้วยประสบการณ์ร่วม 5 ปี ทำให้แพรนด้ามีความเข้าใจในตลาดจีนมากขึ้น ทั้งในเรื่องของรูปแบบ และราคา และเน้นการออกแบบที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งการออกแบบถือเป็นหัวใจของงาน บริษัทจะใช้วิธีการออกแบบจากประเทศไทย เพราะยังไม่มั่นใจในเรื่องความซื่อสัตย์ หากทำการออกแบบในจีน อาจมีการลอกเลียนแบบ แต่แม้ว่าจะออกแบบที่เมืองไทย ก็ต้องเน้นรูปแบบดีไซน์ที่สนองตลาดจีนเนื่องจากตลาดอัญมณีในจีนมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลาทำให้บริษัทต้องปรับตัวตามเทรนด์ของตลาดตลอดเวลาเช่นกัน ในแง่ของการตัดสินใจซื้ออัญมณี/เครื่องประดับแต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ อาทิเช่น ทองและเพชร จะซื้อกันมากในช่วงเทศกาลสำคัญ อาทิเช่น วันตรุษจีน วันเกิด วันแต่งงาน หรือวันครบรอบต่างๆ ในขณะที่อัญมณีจากเงินหรือพลอยสี เป็นการซื้อหาตามความชอบเช่นเดียวกับการเลือกซื้อสินค้าแฟชั่น ถ้าชอบรูปแบบ ชอบดีไซน์ สาวจีนรุ่นใหม่ก็จะตัดสินใจซื้อได้โดยง่าย นอกจากนี้ ผู้บริโภคในมณฑลต่างๆ ของจีนก็มีรสนิยมความชอบที่แตกต่างกันไป อาทิ เช่น คนจีนที่มีฐานะดีในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งรับอิทธิพลจากฝรั่งและเป็นเมืองที่เป็นแฟชั่นมากที่สุดของจีน ชอบสินค้าหรูมีราคาและเปลี่ยนแปลงตามแฟชั่น ที่สำคัญ คือ มีการแข่งขันสูงมาก การทำตลาดอัญมณีในเซี่ยงไฮ้ ถ้าสินค้าไม่ได้มีความเป็นพิเศษหรือนำแฟชั่น จะขายได้ลำบาก ลูกค้าพร้อมที่จะเปลี่ยนความนิยมตลอดเวลา
ที่มา: http://www.depthai.go.th