สรุปรายงานข่าวของเดนมาร์ก

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 10, 2009 14:46 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกนขอสรุปรายงานข่าวของเดนมาร์กในช่วงเดือนตุลาคม 2552 ดังต่อไปนี้

1. Statistics Denmark รายงานว่า GNP ในช่วงเดือนเมษายน — มิถุนายนลดลงร้อยละ 2.6 โดยการลงทุนของภาคธุรกิจลดลงร้อยละ 10.3 และคาดว่า GNP ของปี 2552 นี้จะลดลงร้อยละ 7.2 เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าได้ลดลงถึงจุดต่ำสุดและเริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว และในเดือนกรกฎาคม ปีนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเดนมาร์กเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมายังคงลดลงร้อยละ 0.9 แม้ว่าจะมีสัญญาณว่าตลาดส่งออกหลักจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็ตาม ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ทำให้เดนมาร์กสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีในช่วง 2 — 3 ปีที่ผ่านมาถึง 18 พันล้านเดนิชโครนเนื่องจากมีธุรกิจที่ไม่สามารถชำระหนี้และล้มละลายไปเป็นจำนวนมาก

2. รัฐบาลเดนมาร์กได้พยากรณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยได้ปรับลดลงเหลือร้อยละ - 4.0 จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อครั้งก่อนร้อยละ - 3.0 แม้ว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะเริ่มกระเตื้องขึ้นก็ตาม นอกจากนั้น Danske Bank ได้ปรับตัวเลขการคาดการณ์อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเดนมาร์กในปีนี้ใหม่เป็นร้อยละ - 4.5 จากที่เคยคาดการณ์ไว้ร้อยละ - 3.5 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ได้เสนอให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องขึ้นอย่างต่อเนื่องและเพื่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย

3. ผลการสำรวจพบว่าบริษัทต่างๆ มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาลดลงถึงร้อยละ60 เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ พฤติกรรมการบริโภคของคนเดนมาร์กเปลี่ยนแปลงไป คือ ระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยเงินมากขึ้น โดยในเดือนกันยายน ศกนี้ มีการใช้จ่ายเงินผ่านบัตร Cash Card รวม 64 ล้านครั้ง มูลค่าการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมทั้งสิ้น 22.6 พันล้านเดนิชโครน เทียบกับเดือนสิงหาคม ลดลงร้อยละ 1.6 ผลจากการที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายเงินในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ยอดขายปลีกลดลง และธุรกิจรายเล็กๆ ต้องปิดกิจการลงไปเป็นจำนวนมาก เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับการขายอุปกรณ์การถ่ายรูป เครื่องสำอาง ยาเส้น และเสื้อผ้าเด็กเล็ก เป็นต้น เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ โดยในเดือนกันยายน 2552 ยอดขายรถยนต์ลดลงร้อยละ 19 และมีธุรกิจล้มละลายรวมทั้งสิ้น 488 ราย เทียบกับเดือนที่แล้วจำนวน 509 ราย ลดลงร้อยละ 4 แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง โดยจะเห็นว่าจำนวนธุรกิจที่ล้มละลายเฉลี่ยในปีนี้ประมาณเดือนละ 483 ราย เพิ่มขึ้นกว่าปกติประมาณ 2 เท่า

4. กระทรวงการคลังรายงานว่าจากที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าในปี 2553 เดนมาร์กจะขาดดุลงบประมาณเป็นจำนวน 85 พันล้านเดนิชโครนนั้น ขณะนี้คาดว่าตัวเลขการขาดดุลงบประมาณดังกล่าวอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 90 พันล้านเดนิชโครน โดยในเดือนสิงหาคม 2552 เดนมาร์กเกินดุลการชำระเงิน 5 พันล้านเดนิชโครน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าการส่งออกเริ่มกระเตื้องขึ้น หากพิจารณาในช่วง 12 เดือน (กันยายน 2551 — สิงหาคม 2552) เกินดุลการชำระเงินรวมทั้งสิ้น 49.6 พันล้านเดนิชโครน เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 40 และผลจากที่คาดการณ์ว่าเดนมาร์กจะเกินดุลงบประมาณในปีหน้าเป็นจำนวนมหาศาลถึง 90 พันล้านเดนิชโครน ทำให้รัฐบาลต้องพยายามหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งแนวทางหนึ่ง คือ การเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และผลการสำรวจพบว่าร้อยละ 40 เต็มใจที่จะเสียภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อลดการขาดดุลงบประมาณลง มีเพียงร้อยละ 25 ที่ต้องการให้แก้ไขปัญหาโดยการลดรายจ่ายของรัฐบาลลง

5. การว่างงานในเดือนกันยายน 2552 ของเดนมาร์กมีจำนวน 113,500 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1

6. จำนวนการจดทะเบียนเป็นเจ้าของบ้านพักอาศัยในเดือนกันยายน 2552 รวมทั้งสิ้น 351 ราย เทียบ กับเดือนก่อน จำนวน 374 ราย ลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 แม้ว่าปัจจุบันจะมีสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้นบ้างแล้วก็ตาม

7. มีรายงานว่าการที่รัฐบาลเดนมาร์กจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาวิจัยทางด้านพลังงานปีละ 1 พันล้านเดนิชโครนนั้นไม่เพียงพอ โดยเห็นว่ารัฐบาลน่าจะจัดสรรงบประมาณให้อย่างน้อยปีละไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านเดนิชโดรนต่อเนื่องไปทุกปีจนถึงปี 2563 เพื่อทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่พัฒนาและก้าวหน้าอยู่ในอันดับต้นๆ ทางด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Technology)

8. Swiss Bank รายงานผลการสำรวจอัตราค่าจ้างแรงงานและจำนวนชั่วโมงการทำงานในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลกรวม 73 แห่ง โดยใช้ดัชนีอัตราค่าจ้างแรงงานของนครนิวยอร์กเป็นฐาน (เท่ากับ 100) พบว่ากรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กมีอัตราค่าจ้างแรงงานที่สูงที่สุด (เท่ากับ 125.5) อันดับสองและสาม คือ Zurich และ Geneva โดยที่จำนวนชั่วโมงการทำงานของเดนมาร์กน้อยกว่า และระดับราคาสินค้าและบริการค่อนข้างสูงมาก จะเห็นว่าจำนวนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยทั้งปีของเดนมาร์กเท่ากับ 1,658 ชั่วโมง

9. The Confederation of Danish Employers รายงานว่าเดนมาร์กเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับที่ห้าในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปด้วยกัน โดยตกลงมาจากที่เคยเป็นอันดับที่สองในปี 2538 และคาดว่าในปี 2563 จะตกลงไปอีกเป็นอันดับที่แปด

10. เดนมาร์กเตรียมการที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด Climate Change (COP15) ขึ้นในเดือนธันวาคม 2552 ณ กรุงโคเปนเฮเกน คาดว่าจะพยายามทำให้การประชุมประสบความสำเร็จและมีการจัดทำข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งผู้นำของประเทศต่างๆในแถบเอเซีย ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้ประกาศที่จะร่วมกันทำให้การประชุมสุดยอด Climate Change (COP15) ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ เพื่อจะได้ใช้เป็นกรอบด้านความร่วมมือเรื่องสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศตามหลักการของ UNFCC และ UN’s Climate Panel ต่อไป

ข้อคิดเห็น

1. ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินครั้งนี้ถือว่ามีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของเดนมาร์ก แม้ว่ารัฐบาลจะได้ใช้มาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์เศรษฐกิจหลายรายเห็นว่าเศรษฐกิจได้ตกต่ำถึงขีดสุดแล้วและกำลังเริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ดี คงจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

2. ในช่วง 9 เดือน (มกราคม — กันยายน) ปี 2552 การส่งออกของไทยไปยังตลาดสแกนดิเนเวียลดลงทุกประเทศ แต่ก็คาดว่าหากเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องและฟื้นตัวขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ก็น่าจะส่งผลต่อการสั่งซื้อสินค้าและการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นบ้าง ดังนั้น การขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดสแกนดิเนเวียน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบ้าง

3. จะเห็นว่าประเทศต่างๆ ในแถบสแกนดิเนเวียต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ดังนั้น แนวโน้มสำคัญของตลาดแถบนี้ที่ผู้ผลิตและส่งออกของไทยควรคำนึงถึง ได้แก่ สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmental friendly products) สินค้าออร์แกนนิก (Organic products) ตลอดจน Health conscious consumers, Fair trade, และ Corporate Social Responsibility (CSR)

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปนเฮเกน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก tat  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ