1. เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 คณะรัฐบาลชุดใหม่ของเยอรมนี ได้ปฏิญานตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งนางแมร์เคิ้ล ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่ 2 โดยมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรค FDP และ CSU เป็นไปตามที่นางแมร์เคิ้ลต้องการ อย่างไรก็ตามในการออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้มีสส. 9 ท่านไม่ออกเสียงให้นาง เนื่องจากมีความไม่พอใจในความตกลงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล (CDU, CSU และ FDP) ที่ใช้เวลาในการเจรจาตกลงกว่า 4 สัปดาห์ เพราะยังไม่ชัดเจนเท่าใด ในเรื่องการบริการ จัดการด้านงบประมาณสำหรับสวัสดิการสังคม โดยเห็นว่า ยังมีความไม่ยุติธรรมอยู่บ้างกับผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนเกี่ยวกับด้านหนี้สิน ที่ในระยะ 2 — 3 ปีข้างหน้านี้จะมีเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ ประเด็นสำคัญอื่นๆ ของความตกลง ได้แก่ การขยายเวลาการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ การลดเวลาเป็นทหารเกณฑ์เหลือ 6 เดือน การเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาเป็น 30,000ล้านยูโรต่อปี การลดภาษีจำนวนประมาณ 24,000 ล้านยูโร เป็นต้น
2. การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามที่นางแมร์เคิ้ลคาดหวังไว้ ยกเว้น รมว. คลังของ ดร. ช๊อยบ์เลอ เนื่องจากไม่มีพื้นฐานประสบการณ์ด้านการคลัง อย่างไรก็ดี เป็นที่ประเมินว่า ได้เลือกให้เป็นเพราะมีความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวน่าจะต้านแรงพรรค FDP ที่มุ่งนโยบายเสรีนิยมได้ นอกจากนี้สื่อยังให้ความสนใจกับ รมว. กระทรวงสาธารณสุข ดร. ฟิลลิป เริ๊สเลอร์ ชาวเยอรมัน เชื้อสายเวียตนาม ซึ่งถือเป็นคนสัญชาติเอเชียคนแรกคณะรัฐมนตรีของสหพันธ์ฯ
3. ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็กในเยอรมนียังคงมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่ในเยอรมนียังคงมีความเข้มงวดด้านการปล่อยสินเชื่อ ทั้งๆ ที่ธนาคารเหล่านี้ต่างทำผลกำไรในไตรมาสที่2 และที่ 3 ที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับหลายๆ ฝ่าย ไปจนถึงนายกรัฐมนตรีของสหพันธ์ฯ ที่ได้ขอให้ธนาคารยอมผ่อนคลายความเข้มงวดบ้าง การกระทำของผู้ประกอบการธนาคารในเยอรมนีจะเกิดผลกระทบทำให้กิจการที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินต้องแจ้งกิจการล้มละลายในที่สุด โดยที่ผ่านมา บริษัท Quelle กิจการด้าน Mail-Order ได้แจ้งล้มละลายแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมานี้ ทำให้คนงานราว 4,000 คนว่างงานทันที ปัจจุบันจะมีการแจ้งกิจการล้มละลายในเยอรมนีเดือนละกว่า 2000 กิจการ โดยปี 2552 (ม.ค.-ส.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 19,743 กิจการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนระยะเดียวกันร้อยละ 10.5 และทำให้มีคนว่างงาน 145,845 คน
4. ถึงแม้ว่า ในช่วง 2 — 3 เดือนที่ผ่านมายอดการส่งออกสินค้าของเยอรมนีในแต่ละเดือนมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมาโดยตลอดก็ตาม แต่เนื่องจากประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่จะเป็นประเทศอื่นๆ ในยุโรป มีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 70 — 80 จึงทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจของเยอรมนี มีการปรับตัวไปในทางที่ดีช้ากว่าประเทศอื่นๆ เพราะประเทศเหล่านี้ยังมีปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตามตลอดปี 2552 นี้การส่งออกจะลดลงน้อยกว่าปีก่อนประมาณร้อยละ 14 ซึ่งเดิมคาดว่าจะลดลงร้อยละ 20
5. ปัจจุบันเยอรมนีมีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้นประมาณ 30,000 คน ในจำนวนนี้เสียมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ H1N1 จำนวน 9 คน จึงทำให้ประชาชนเยอรมันจำนวนมากขอรับการฉัดวัคซีนเพื่อป้องกันเพิ่มมากขึ้น
6. ดัชนีค่าครองชีพในเดือนที่ผ่านมาๆ ยังคงมีการขยายตัวเป็นอัตราติดลบ ต่ำกว่าเดือนก่อนหน้านี้ระหว่าง 0.3 — 0.5% เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลดต่ำลงมาก หากไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง ดัชนีจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th