1. บทบาทของความเป็นเมืองหลวงของกรุงโรม
2. เป็นที่ตั้งของยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์
3. มีบริษัทขนาดกลางและย่อมอยู่มากมาย
4. มีศักยภาพการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ/การลงทุนสูง
5. มีเครื่องมือสนับสนุนมากกว่า
1. สคต.โรมเป็นหน่วยงานตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ไทยในอิตาลี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวง เพื่อทาหน้าที่ติดตามนโยบายการค้าการลงทุน และข้อกาหนดระเบียบต่างๆ ของอิตาลี วิเคราะห์รายงานและจัดทาเป็นฐานข้อมูลให้แก่ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องของไทยเพื่อใช้ประโยชน์ในการดาเนินธุรกิจและรักษาขยายตลาดและการลงทุนของไทย และการแก้ไขปัญหาการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีทาหน้าที่ในการริเริ่มด้านการทาธุรกิจ/ธุรกรรมกับประเทศไทยให้แก่บริษัทของอิตาลี ผู้ปฏิบัติงานด้านการค้า กระทรวงต่างๆ ของอิตาลี รวมถึงสมาคมการค้าและการท่าอากาศยาน/ท่าเรือต่างๆ
ดังนั้นความใกล้ชิดของสคต. โรมและหน่วยงานภาครัฐของอิตาลีจึงมีความสาคัญและจาเป็นอย่างมากเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีทั้งด้านการทูต การค้า และการลงทุนระหว่างกัน ทั้งนี้สคต. โรมกาลังดาเนินบทบาทที่สาคัญเหล่านี้เพื่อสนับสนุนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทุกๆ ด้านเพื่อพัฒนาด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม
2. การที่สคต. โรมจะต้องตั้งอยู่ในกรุงโรมซึ่งเป็นศูนย์กลางของประเทศ เพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตนี้ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และลดค่าใช้จ่ายกว่าการตั้งสานักงานอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นภาคกลางของประเทศเป็นที่ตั้งของยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้าบนภาคพื้นดินหรือสู่ทางทะเล เนื่องจากอยู่ในศูนย์กลางและล้อมรอบด้วยท่าเรือสาคัญต่างๆ ได้แก่ Gioia Tauro (Calabria) ซึ่งเป็นท่าเรือที่สาคัญที่สุดในการส่งสินค้าระหว่างภูมิภาคเอเชียเนื่องจากมีระยะทางที่ใกล้เอเชียมากกว่าท่าเรืออื่นๆ ในอิตาลี นอกจากนี้ยังมีท่าเรืออื่นๆ ได้แก่ Naples (Campania) Livorno (Tuscany) Civitavecchia (Lazio) Bari (Puglia)
อัตราการขยายตัวของ GDP (ร้อยละ)
ปี 2005 ปี 2006 อัตราขยายตัว ภาคกลาง -0.2 1.8 2.0 ภาคใต้ -0.1 1.4 1.5 รวมทั้งประเทศ 0.0 1.9 1.9 GDP ของแต่ละแคว้นในภาคกลางและภาคใต้ อัตราขยายตัว (ร้อยละ) (ปี2006/2005) ทอสคานี 2.0 อูมเบียร์ 2.4 มาเก้ 2.6 ลาซิโอ 1.4 อับบรูโซ 1.6 มอลิเซ่ 1.4 แคมปาเนีย 1.4 ปูเกลีย 1.4 บาซิลิกาตา 2.1 กาลาเบรีย 1.1 ซิซิลี 1.0 ซาดีเนีย 1.3 รวมอิตาลี 1.9
3. พื้นที่ในภาคกลางและใต้เป็นพื้นที่ที่มีอุตสาหกรรมพื้นฐานของอิตาลีซึ่งผลิตโดยบริษัทขนาดกลางและย่อมของอิตาลี ด้วยเหตุนี้เองทาให้พื้นที่ในเขตดังกล่าวจึงเต็มไปด้วยผู้กระจายสินค้าและผู้ค้า ในขณะที่ทางตอนเหนือของประเทศมีแต่ผู้ผลิตสินค้า เนื่องจากสคต. โรมมีหน้าที่หลักในด้านการสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทย การที่สคต. โรมตั้งอยู่ในเขตตอนใต้ซึ่งมีบริษัทดังกล่าวมากมายสนใจที่จะนาเข้าสินค้าและแลกเปลี่ยนสินค้าแทนที่จะผลิตและส่งออกไปจากอิตาลี ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทขนาดกลางและย่อมในภาคกลางและภาคใต้จึงเหมาะสมกับความต้องการและเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัทขนาดกลางและย่อมจากประเทศไทย
การค้าระหว่างอิตาลีและไทยปี 2550 (หน่วย พันยูโร)
มูลค่าการนาเข้า อัตราขยายตัว มูลค่าการส่งออก อัตราขยายตัว (ร้อยละ) ปี 50/49 (ร้อยละ) ปี 50/49 ภาคกลาง 336,762 43.06 153,534 9.61 ภาคเหนือ 1,196,300 19.04 657,145 -0.18 แหล่งที่มาของข้อมูล ISTAT
จากสถิติจะเห็นได้ว่า แม้ว่ามูลค่าการค้าของภาคเหนือทั้งด้านการส่งออกและนาเข้าจะสูงกว่า แต่พบว่าอัตราขยายตัวของภาคกลาง/ใต้มีการขยายตัวสูงมากอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากศักยภาพด้านการค้าในส่วนภาคกลางกาลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
4. เนื่องจากภาคเศรษฐกิจทางตอนเหนือของประเทศมีความอิ่มตัว ทาให้มีโอกาสการขยายตัวทางด้านธุรกิจทางตอนกลาง/ใต้สูงขึ้น ด้วยสาเหตุอีกประการหนึ่งคือ บริษัทที่ตั้งอยู่ทางตอนกลาง/ใต้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในด้านเทคโนโลยี การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และการวิจัยหาตลาดใหม่ๆ เช่น ประเทศไทย
ด้วยเหตุผลอีกประการที่ทาให้เศรษฐกิจภาคกลาง/ใต้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นคือ นโยบายรัฐบาลอิตาลี (รวมทั้งภาคเอกชน) ได้วางแผนที่จะให้ทุนและสิทธิประโยชน์แก่ชาวอิตาเลี่ยนและบริษัทต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในภาคใต้ของประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยการลงทุนที่อยู่ภายใต้สิทธิพิเศษ ร้อยละ 75 ของการลงทุนในอิตาลีทั้งหมดอยู่ในภาคกลาง/ใต้ ได้แก่ Campania, Puglia, Sardegma, Abruzzo, Molise, Calabria ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร การก่อสร้าง ฐานการผลิต/การลงทุนในธุรกิจเฉพาะสาขา เป็นต้น
การลงทุนของชาวอิตาเลี่ยนและบริษัทต่างชาติในปี 2549 (ล้านยูโร)
มูลค่าการลงทุนจาก อัตราขยายตัว มูลค่าการลงทุนของ อัตราขยายตัว ต่างชาติในอิตาลี (ร้อยละ) ปี 49/48 บริษัทอิตาลีในต่างประเทศ (ร้อยละ) ปี 49/48 ภาคกลาง 5,869 528.37 2,610 183.67 ภาคเหนือ 10,523 57.90 10,326 67.40 แหล่งที่มา ธนาคารแห่งประเทศอิตาลี
ดังจะเห็นได้จากมูลค่าการค้าและการลงทุนทั้งจากบริษัทต่างชาติที่ลงทุนในประเทศอิตาลีและบริษัทอิตาเลี่ยนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ แม้ว่ามูลค่าของทางภาคเหนือมากกว่า แต่อัตราการขยายตัวของภาคกลาง/ใต้มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดได้ว่า พื้นที่เขตภาคกลาง/ใต้จึงเป็นเขตที่มีศักยภาพทางด้านธุรกิจสูงกว่าในอนาคต
แคว้นลาซิโอเป็นแคว้นที่ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงมากเป็นอันดับสองของประเทศอิตาลี ซึ่งมีมูลค่ารายได้ร้อยละ 10 ของประชากรทั้งประเทศ (27,646 ยูโรต่อหัว) เนื่องจากเป็นแคว้นที่มีบริษัทต่างชาติตั้งอยู่ในพื้นที่มากกว่า 500 บริษัทที่ผลิต/ส่งออกสินค้า ดังนั้นจึงเป็นแคว้นที่มีบริษัทหลากหลายทาให้มีตลาดที่ใหญ่และมั่นคงมาก รวมถึงมีประชากรอาศัยอยู่มากว่า 5 ล้านคน (และอีก 17 ล้านคนจากแคว้นใกล้เคียง) และมีรายได้ต่อหัวสูงกว่ารายได้เฉลี่ยของประเทศร้อยละ 12
แคว้นทัสคานีเป็นแคว้นที่มีรายได้ประชากรต่อหัวมีมูลค่าร้อยละ 6.7 ของประเทศ (มากกว่า 25,000 ยูโรต่อหัวต่อปี) เมืองฟลอเรนส์เป็นเมืองหลวงของแคว้นและเป็นศูนย์กลางของแหล่งผลิตสินค้าที่ทาในอิตาลี
แคว้นบาซิลิคาตาเป็นแคว้นที่มีความหลากหลายมากที่สุดในภาคใต้ มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดในพื้นที่ 16,065 ยูโรต่อหัว เมืองหลวงคือ โพเทนซา ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการผลิตและการค้า เปรียบเสมือนแม่เหล็กของเศรษฐกิจของแคว้น
เป็นแคว้นที่มีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของตนเองและประวัติศาสตร์และการผลิต ซึ่งมีการคิดค้นเทคโนโลยีการผลิตในอุตสาหกรรมหลายด้าน รายได้ต่อหัว 15,598 ยูโร นโยบายการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนทาให้มีการลงทุนจากต่างชาติมากกว่า 40 กลุ่มทางด้านยานอากาศ อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เคมีภัณฑ์ และ ICT
แคว้นมาร์เก้มีรายได้ประชากรต่อหัวร้อยละ 2.6 ของประชากรประเทศ (รายได้ต่อหัว 23,294 ยูโร) เมืองหลวงอังกอราเป็นศูนย์กลางของการเป็นแคว้นที่มีศักยภาพด้านวิศวกรรมเครื่องกลและ ICT เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยที่ทางานด้านวิจัยและพัฒนาให้อุตสาหกรรมถึง 4 มหาวิทยาลัย
เศรษฐกิจของแคว้นอับบรูโซเป็นเศรษฐกิจที่น่าสนใจเนื่องจากโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจจากพื้นฐานของระหว่างการลดจานวนบริษัทหลักๆ จากภาคนอกแคว้นและระบบการกระจายตัวของอุตสาหกรรมขนาดเล็ก รายได้ประชากรต่อหัวร้อยละ 19,308 ยูโร ผลผลิตของแคว้นนี้มาจากเขตอุตสาหกรรม 7 เขตและบริษัทผู้ประกอบการด้านเกษตรและสินค้าที่ผลิตในอิตาลี เช่น เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหนัง รองเท้า ICT และเครื่องจักร
แคว้สซิซิลีเป็นเคว้นอันดับใหญ่สองของภาคใต้อิตาลีเมื่อเทียบจากรายได้ประชากรต่อหัว (15,5885 ยูโร) และเศรษฐกิจของแคว้นที่มีรายได้ร้อยละ 6 ของประเทศ ปาเลียโมเป็นเมืองหลวงของแคว้นและศูนย์กลางด้านการบริหารทางการเมือง ในขณะที่คาตาเนียเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจและและธุรกิจ อุตสาหกรรมในเขตนี้ได้แก่ เกษตรกรรม เคมีภัณฑ์และปิโตเคมี การโทรคมนาคมซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างสูง
แคว้นซาดีเนียมีรายได้ประชากรต่อหัว 18,000 ยูโร ซึ่งมีธุรกิจอยู่มากมายตั้งอยู่รอบๆ เมืองหลวงคือ คา- เกลียรี ธุรกิจของแคว้นประกอบด้วยบริษัท 102,287 บริษัท (ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ) และธุรกิจการเกษตรและเคมีภัณฑ์ และในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาซาดีเนียเริ่มมีบทบาทที่สาคัญในธุรกิจด้านนวัตกรรมเช่น ICT และเทคโนโลยีชีวภาพ
ที่มา: http://www.depthai.go.th