การที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ยกเลิกการห้ามออกวีซ่ารายบุคคลแก่นักท่องเที่ยว (Visa for Individual Traveler) สำหรับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้ามายังญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ในปี 2008 ชาวจีน (รวมฮ่องกงและมาเก๊า) ได้เดินทางไปต่างประเทศจำนวน 45.84 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2000 ถึง 4.5 เท่า ในจำนวนนั้น 1 ล้านคนเลือกเดินทางมายังญี่ปุ่น (คิดเป็นนักท่องเที่ยวจำนวน 455,000 คน) นักท่องเที่ยวดังกล่าวเป็นผู้ที่เคยเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นมาก่อนหน้าแล้วราวร้อยละ 13 ในขณะที่นักท่องเที่ยวเกาหลีที่เคยเดินทางมาญี่ปุ่นแล้วมีถึงร้อยละ 51
จากข้อมูลของ Japan National Tourism Organization ปัจจัยที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นซ้ำ ประกอบด้วย 1) อัธยาศัยไมตรีที่ดีของชาวญี่ปุ่นในการต้อนรับและให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ แก่นักท่องเที่ยว 2) การประชาสัมพันธ์ความน่าสนใจของประเทศญี่ปุ่นผ่านเครือข่ายนักท่องเที่ยวหรือวงสังคมของชาวจีน 3) การให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและธุรกิจบริการต่างๆ แก่นักท่องเที่ยวจีนอย่างแพร่หลายผ่านสื่อสมัยใหม่ เช่น Internet เพื่อใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบก่อนการใช้จ่าย และ 4) การพัฒนานวัตกรรมและสินค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจากจีน
นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพและมีกำลังซื้อสูง ดังนี้ หลายประเทศทั่วโลกต่างต้องการดึงดูดให้ชาวจีนเดินทางไปเที่ยว โดยเฉพาะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่น ปัจจุบัน ชาวจีนร้อยละ 4.5 (58.5 ล้านคน) จากจำนวน 1.3 พันล้านคน มีรายได้สูงกว่าปีละ 270,000 หยวน หรือประมาณ 39,500 เหรียญสหรัฐฯ เป้าหมายสำคัญในการมาเยือนญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวจีน คือ การจับจ่ายใช้สอยเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เพิ่งออกวางตลาด และสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น เสื้อผ้า และเครื่องสำอาง เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้ใช้จ่ายเงินซื้อของเฉลี่ยมากกว่ารายละ 110,000 เยน ซึ่งนับว่าสูงสุดเมื่อเทียบกับบรรดานักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ ที่มาเยือนญี่ปุ่น โดยร้อยละ 30 ของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหญิงสาวในวัย 20-30 ซึ่งสนใจในเรื่องแฟชั่นมาก แหล่งจับจ่ายใช้สอยสำคัญ คือ ร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินมากกว่าห้างสรรพสินค้าในเมือง ความสนใจที่รองลงมาในการมาเที่ยวญี่ปุ่นของนักท่องเที่ยวจีน คือ การพักผ่อนยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีบ่อน้ำพุร้อน (Onsen) และการใช้บริการสถานเสริมความงามต่างๆ
แหล่งข้อมูล: "Rich Chinese drop huge wads in Japan", The Nikkei Net Interactive, November 2009
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th