เมื่อเร็วๆ นี้ สองยักษ์ใหญ่ในธุรกิจร้านอาหารที่คนไทยรู้จักดีในฮ่องกง ได้แก่ Cafe de Coral และ Maxim’s ได้มาเปิดเผยเคล็ดลับในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ โดยผู้บริหารทั้งสองเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารมิใช่จบแค่อาหารที่ดีเท่านั้น ยังต้องมีอะไรที่มากกว่า
Mr. Michael Chan ประธานบริหาร Cafe de Coral Group’s ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของเป็นคนจีนที่ดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหารแฟรนด์ไชนส์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสาขากว่า 580 สาขาภายใต้ ชื่อ Cafe de Coral, Spaghetti House, Ah Yee Leng Thong, Oliver’s Super Sandwiches และ Manchu Wok เผยเคล็ดลับ
- ต้องทำในสิ่งที่ถนัด
- ให้ความสำคัญ “คน” ที่เกี่ยวข้อง ทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และพนักงาน
- ให้คุณค่ากับ คุณภาพ การบริการ และการใส่ใจ
- พัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง
- วางคนที่เหมาะสมเป็นผู้จัดการสาขาต่างๆ
- มีแผนระยะยาว 5 ปี และมีเป้าหมายชัดเจน
- พัฒนาระบบในร้านอาหารให้สามารถวัดผลได้ง่าย
- ผลิตอาหารจากครัวกลาง เพื่อควบคุมคุณภาพ
- ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะ เพื่อควบคุมต้นทุนค่าเช่า
อย่างไรก็ตามสำหรับบทเรียนความล้มเหลวที่บริษัทเคยประสบมาก็คือ การพยายามเข้าตลาดจีนในช่วงต้นปี 1990 ในขณะที่กำลังซื้อของตลาดยังไม่พร้อมจนได้บทเรียนว่า อย่าเข้าตลาดที่ยังไม่พร้อม แต่ปัจจุบันธุรกิจในจีนของบริษัทได้เติบโตและประสบความสำเร็จแล้ว
ส่วน Mr. Michael Wu ประธานและผู้อำนวยการบริหาร บริษัท Maxim’s Caters จำกัด ผู้เริ่มงานใน Maxim’s ตั้งแต่ระดับล่างโดยเรียนรู้งานเกือบทุกแผนก ก่อนก้าวมาเป็นผู้บริหารได้ 2 ปีแล้ว เผยเคล็ดลับทำให้ร้านประสบความสำเร็จ ดังนี้
- ทำให้ผู้เกี่ยวข้องส่วนใหญ่พอใจ
- กระตุ้น และจูงใจพนักงานให้ทำงานมุ่งสู่ความสำเร็จ
- รักษาพนักงานที่ดี โดยจ่ายค่าตอบแทนมากกว่า ถึงร้อยละ 20 ของค่าแรงทั่วไป
- สนับสนุนคนในให้เติบโต แทนการนำคนนอกเข้ามา
- ห้ามพนักงานเล่นการพนันโดยเด็ดขาด
- ต้องมี อาหารจานเด็ด เสนอลูกค้า
- ห้องน้ำต้องสะอาด
- ให้ความสำคัญกับ อาหารดี ราคาเหมาะสม
- รับฟังความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุง โดยเฉพาะจาก ใน website ต่างๆ
- กล้าเสี่ยง
สำหรับบทเรียนความล้มเหลวของบริษัท คือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว Maxim ได้เปิดร้านอาหารโดยใช้การ์ตูนเป็นตัวนำ ชื่อ Hello Kitty Restaurant ประสบความสำเร็จใน 2 ปีแรกหลังจากนั้นขาดทุน และมีการเปิด Utraman Restaurant ก็ขาดทุนทันที จึงได้บทเรียนว่า อย่าเปิดร้านอาหารโดยอิงการ์ตูนเป็นตัวนำ เนื่องจากลูกค้ามาที่ร้านเพราะชื่นชอบตัวการ์ตูนไม่ใช่มาเพื่ออาหาร
เคล็ดลับข้างต้นอาจนำมาประยุกต์ ใช้ในธุรกิจร้านอาหารบ้านเรา หรือร้านอาหารไทยในต่างประเทศได้สำหรับร้านอาหารไทยในฮ่องกง ปัจจุบันมีเปิดเกือบ 200 ร้าน สำหรับคนท้องถิ่นและคนไทยที่ไปทำงานในฮ่องกง ถ้าเป็นร้านหรูๆ ในย่านดังเจ้าของมักเป็นคนฮ่องกงลงทุน เนื่องจากค่าเช่าที่แพงมาก ร้านประเภทนี้จะมีไม่มาก ส่วนร้านที่คนไทยเป็นเจ้าของ ส่วนใหญ่จะอยู่แถว Kowloon City ตกแต่งธรรมดา แต่รสชาดอาหารไม่แตกต่างจากเมืองไทย นอกจากนี้มีร้านขายข้าวมันไก่ ชื่อ คนไทยข้าวมันไก่ (Koon Thai Hai Nam Chicken) ขยายสาขาร้านไปยังย่านต่างๆ ทั่วฮ่องกง หลายร้านซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จพอสมควร การเปิดร้านอาหารไทยในฮ่องกง ถ้ามองในด้านศักยภาพตลาดนับว่ามีมาก เนื่องจากคนฮ่องกงมีกำลังในการใช้จ่ายสูงเคยมีการวิจัยกันและพบว่า ในเกาะฮ่องกง 1 ใน 9 คน มีเงินล้าน ในเกาลูน 1 ใน 17 คน มีเงินล้าน กอปรกับพฤติกรรมคนนิยมกินข้าวนอกบ้าน ทั้งในวันธรรมดาและเสาร์อาทิตย์ เนื่องจากบ้านเล็กพื้นที่น้อย ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว และวันอาทิตย์จะเป็นวันพบปะกันกับพ่อแม่ปู่ย่าตายาย โดยใช้ร้านอาหารเป็นสถานที่นัดพบ นอกจากนี้ประเทศไทยถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของฮ่องกง ทำให้คนฮ่องกงรู้จักอาหารไทยเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดร้านอาหารไทย ในขั้นตอนการขอทำธุรกิจไม่ยุ่งยาก เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าร้านอาหารไทย ต้องมีพ่อครัวแม่ครัวเป็นคนไทย แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากคือการหาทำเลเปิด เพราะค่าเช่าแพงมาก และการนำพ่อครัวแม่ครัวมาจากประเทศไทย โดยอาชีพพ่อครัวแม่ครัวถือเป็นอาชีพสงวนของฮ่องกง (แม้ไม่ได้ระบุชัดเจน) ต้องเปิดโอกาสให้คนในท้องถิ่นฮ่องกงทำก่อน หากพิสูจน์ได้ว่าไม่มีแล้วถึงอนุญาตให้เข้ามาทำงานได้ ซึ่งแตกต่างจากการเข้ามาเป็น ผู้ช่วยแม่บ้านซึ่งขออนุญาตได้ง่ายกว่า ทั้งนี้หากสนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อ สำนักงานส่งเสริมการค้า ณ เมืองฮ่องกง www.thaicomm@netvigator.com
สคต. เมืองฮ่องกง
ที่มา: http://www.depthai.go.th