กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของสาธารณรัฐเช็กรายงานว่า การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ของสาธารณรัฐเช็ก ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 ลดลงเกือบร้อยละ 50 โดยจากสถิติพบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 มีการลงทุนจากต่างประเทศ จำนวน 90.0 พันล้านเช็กคราวน์ แต่ในช่วงเดียวกันของปี 2552 การลงทุนจากต่างประเทศ เหลือเพียง 46.6 พันล้านเช็กคราวน์
เยอรมัน เป็นประเทศที่มีการลงทุนในสาธารณรัฐเช็กมากเป็นอันดับ 1 โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 52 ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด มีมูลค่า 24.3 พันล้านเช็กคราวน์ ออสเตรีย เป็นประเทศที่ลงทุนในเช็กมากเป็นอันดับ 2 มีสัดส่วนร้อยละ 25.4 รองลงมา ได้แก่สาธารณรัฐสโลวัค สัดส่วนร้อยละ 12.3
ธุรกิจที่มีการลงทุนจากต่างประเทศที่สุด ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รองลงมาได้แก่ ธุรกิจบริการการเงิน และภาคอุตสาหกรรมการผลิต
นักวิเคราะห์ มีความเห็นว่า เศรษฐกิจของเช็กในปี 2552 ประสบภาวะวิกฤติมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา นับตั้งแต่ปี 2533 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเช็กในปีนี้คาดว่าจะลดลงถึงร้อยละ 5 จากปีที่ผ่านมา และจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะส่งผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมาก คาดว่าอาจจะมีนักลงทุนรายใหญ่ ประมาณ 1 ใน ห้า ย้ายฐานการผลิตจากเช็กไปยังประเทศอื่นที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า แต่หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของเช็ก (CZECHINVEST) มีความเห็นที่แตกต่างไป โดยเห็นว่าจะมีนักลงทุนต่างชาติจำนวนน้อยที่จะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น และจะมีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนในเช็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากเช็กเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนมากประเทศหนึ่งในภูมิภาคยุโรปกลางนี้
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมการผลิต สำนักงานสถิติแห่งชาติเช็กรายงานว่า ผลิตภัณฑ์ภาคอุตสาหกรรมของเช็กลดลงประมาณร้อยละ 11.9 ในเดือนกันยายน 2552 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 และนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นมา ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเช็กลดลงมาโดยตลอด จากสถิติ พบว่า เดือนที่มีอัตราการลดลงมากที่สุด คือ เดือนกุมภาพันธ์ 2552 สำหรับสาขาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจมากที่สุด ได้แก่ สาขาการผลิตเครื่องจักรกล ในขณะที่ อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร และเภสัชกรรม มีแนวโน้มดีขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก
ที่มา: http://www.depthai.go.th