สัญญาณใหม่เดือนตุลาคมชี้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างมั่นคง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 11, 2009 14:32 —กรมส่งเสริมการส่งออก

จีนมองเห็นสัญญาณไฟเขียวตลอดถนนเศรษฐกิจที่ทอดยาวเบื้องหน้า ดัชนีเศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคมล้วนสะท้อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจีน มั่นใจจีดีพีปี 2552 เติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้อย่างแน่นอน

ภายหลังตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจของจีนประจำเดือนตุลาคมคลอดออกมา ทำให้รัฐบาลจีนมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนได้ฟื้นตัวแล้ว และนักวิเคราะห์ต่างเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าตามนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ดำเนินมาต่อไป และหันมาปรับตัวเลขพยากรณ์และจัดเกรดสถานะเศรษฐกิจจีนกันขนานใหญ่

การส่งออกลดลงในอัตราที่น้อยที่สุดในปี 2552 ขณะที่การผลิตของภาคอุตสาหกรรมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการค้าปลีกยังคงขยายตัว ท่ามกลางดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิตและผู้บริโภคที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน

“ดัชนีทางเศรษฐกิจของจีนในเดือนตุลาคมอยู่เหนือความคาดหมายของเรา โมเมนตัม กำลังไปในทิศทางบวก และถึงจุดแล้วที่เราได้ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก” นายหลี่ เม่าอยู (Li Maoyu) นักวิเคราะห์ของ Changjiang Securities Co., Ltd. กล่าว

การส่งออกในเดือนตุลาคมของจีนมีมูลค่า 110,760 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกับของปีที่ผ่านมา และดีขึ้นกว่าเดือนกันยายนที่ลดลงร้อยละ 15.2 นอกจากนี้ อัตราดังกล่าวยังจัดว่าลดลงน้อยที่สุดของปีนี้ 2552 และสะท้อนอุปสงค์ที่เริ่มฟื้นตัวของตลาดโลก

ขณะเดียวกัน การนำเข้ายังคงลดลงในอัตราที่มากขึ้น โดยมีมูลค่า 86.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 6.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเทียบกับอัตราการนำเข้าที่ลดลงร้อยละ 3.5 ในเดือนกันยายน ซึ่งนายซูว จุ้น (Xue Jun) ผู้เชี่ยวชาญของ CITIC Securities Co.วิเคราะห์ว่า สาเหตุอาจเป็นผลมาจากความพยายามที่จะต่อสู้กับกำลังการผลิตส่วนเกิน และการจัดซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศที่ลดน้อยลง

อย่างไรก็ดี ผลจากการนำเข้าและส่งออกดังกล่าว ทำให้การเกินดุลการค้าของจีนในเดือนตุลาคมมีมูลค่าถึง 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 12,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนยังระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าพึงพอใจเช่นเดียวกัน โดยผลผลิตอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาและสูงกว่าของเดือนกันยายนถึงร้อยละ 2.2 ทำให้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน

การลงทุนสินทรัพย์ถาวรในเขตเมือง (Urban Fixed-Asset Investment) ในช่วง 10 เดือนแรกของปีมีมูลค่า 15.1 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 2.21 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารพาณิชย์จีนในเดือนตุลาคมลดลงประมาณครึ่งหนึ่งจากที่มียอด 516,700 ล้านหยวน (ประมาณ 76,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมามาอยู่ที่ 253,000 ล้านหยวน (หรือประมาณ 37,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งนับว่าเป็นระดับต่ำสุดในรอบปีนี้ หลังจากธนาคารกลางของจีนแนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อและเพิ่มการบริหารความเสี่ยง แต่ยังคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในบางส่วนให้ดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่จะกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและการลงทุนของภาคเอกชน

ขณะเดียวกัน การค้าปลีกของจีน ซึ่งเป็นตัวชี้ระดับการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวจีน ก็ขยายตัวต่อไป โดยมีมูลค่า 1.17 ล้านล้านหยวน ขยายตัวร้อยละ 16.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 15.5 เมื่อเดือนกันยายน

ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภค (CPI) ลดลงร้อยละ 0.5 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เทียบกับลดลงร้อยละ 0.8 ในเดือนกันยายน ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิต (PPI) ลดลงจากร้อยละ 7 เมื่อเดือนกันยายน เหลือร้อยละ 5.8 ในเดือนตุลาคม แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่า ดัชนีดังกล่าวจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นในเร็ววันนี้ โดยร้อยละ 47 ของผู้บริโภคชาวจีนเห็นว่า CPI จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าร้อยละ 5 ขณะที่เกือบร้อยละ 20 เห็นว่า อัตราเงินเฟ้ออาจสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 10

ชาวจีนก็ดูเหมือนจะมั่นใจในเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ผลจากการวิจัยในกว่า 40 เมืองสำคัญของมหาวิทยาลัยเจียวทง (Jiao Tong University) หนึ่งในสถาบันการศึกษาชั้นนำในนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าผู้บริโภคชาวจีนมีระดับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 94.7 เมื่อไตรมาสที่ 2 เป็น 97 เมื่อไตรมาสที่3 โดยเห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจจีนน่าจะไปในทิศทางเชิงบวก ความพยายามในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจจีนของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมากำลังส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ นายหวัง ฟังหัว (Wang Fanghua)คณบดีวิทยาลัยด้านเศรษฐศาสตร์และการจัดการ แห่งมหาวิทยาลัยเจียงทง กล่าวว่า “แผนการใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลของรัฐบาลได้นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ซึ่งเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภค”

นอกจากนี้ ผลจากการวิจัยของ Hudson Report เมื่อสิ้นเดือนกันยายน สรุปว่า ร้อยละ 39 ของกิจการในจีนมีแผนที่จะว่าจ้างบุคลากรมากขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับของประเทศอื่น ๆ ในเอเซีย และเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27 ที่สำรวจเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา นายมาร์ค แคร์ริบาน (Mark Carriban) กรรมการผู้จัดการของ Hudson Asia กล่าวว่า “แม้ว่าการคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานจะต่ำกว่าของปีที่ผ่านมา แต่เป็นที่ชัดเจนว่า ตลาดการจ้างงานอยู่ในช่วงขาขึ้น”

ภาคบริการการเงินและการธนาคารคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยร้อยละ 54 คาดว่าจะเพิ่มตำแหน่งงานในไตรมาสที่ 4 ซึ่งสูงขึ้นกว่าของการวิจัยเมื่อเดือนมิถุนายนที่อยู่ร้อยละ 28 ขณะเดียวกัน รายงานดังกล่าวยังระบุว่าภาคไอทีและโทรคมนาคมตามมาติด ๆ ที่ร้อยละ 53 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33 ทั้งนี้ กิจการโฆษณาและสื่อสารมวลชนคาดว่าจะว่าจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดที่ร้อยละ 17

ตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้ที่ปรึกษาด้านการลงทุนชั้นนำของโลกอย่าง Moody’s Investors Service ประกาศปรับเปลี่ยนสถานะทางเศรษฐกิจของจีนจาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “บวก” (Positive) ขณะที่ธนาคารโลก (World Bank) ก็ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจากร้อยละ 6.2 เมื่อเดือนมิถุนายน เป็นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับของปีที่ผ่านมา

จากแนวโน้มทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ตามเป้าหมายร้อยละ 8 ที่รัฐบาลกำหนดไว้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี นายหวัง ชิ่ง (Wang Qing) เศรษฐกรของ Morgan Stanley เห็นว่า แนวคิดที่รัฐบาลจีนจะยึดโยงกับนโยบายเศรษฐกิจมหภาคที่ยืดหยุ่นต่อไปดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในอนาคต เพราะอาจจะเร็วเกินไปที่จีนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในราวไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต

ต่อมา ท่านเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนยังได้ตอกย้ำกล่าวเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของจีนในอนาคตในการประชุมที่ปักกิ่งว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายการเงินการคลังแบบผ่อนปรนต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจของจีนจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนแล้วก็ตาม ซึ่งจากคำกล่าวยืนยันดังกล่าว ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจจีนไม่เพียงแต่จะฟื้นตัวแล้ว แต่จะฟื้นตัวในรูปตัววี (V-Shape) และเติบโตในอัตราที่สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้เสียด้วย

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ จีนได้ประกาศตัวเลขจีดีพีของไตรมาสที่ 3 ของปีว่าเติบโตถึงร้อยละ 8.9 ทำให้เศรษฐกิจจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกเติบโตขึ้นต่อเนื่องกันจากร้อยละ 6.1 เป็น 7.9 และเป็น 8.9 ตามลำดับ และส่งผลให้การเศรษฐกิจจีนในช่วง 9 เดือนแรกของปีเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับของปีที่ผ่านมา

โดย ดร. ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ผอ. สคต. ณ นครเซี่ยงไฮ้

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ