ในช่วงภาวะเศรษฐกิจของโลกไม่มั่นคง โปแลนด์ยังคงยืนหยัดเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเข้มแข้งที่สุดในยุโรป ในปี 2009 มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 1 สาเหตุสำคัญมาจากความเป็นประเทศเศรษฐกิจพอเพียง
สินเชื่อเป็นอิทธิพลมากจากตะวันตก ชาวโปแลนด์ดั้งเดิมเป็นคนประหยัดมาก ไม่นิยมการกู้เงิน ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ไม่ฟุ่มเฟือย ประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อโปแลนด์เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ธนาคารต่างชาติเข้ามาเปิดกิจการในโปแลนด์มากขึ้น นำสินเชื่อเข้ามาสู่โปแลนด์ ชาวโปแลนด์ที่มีรายได้ และธุรกิจขนาดใหญ่จึงเริ่มกู้เงิน
จากการสำรวจสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนในเดือนพฤศจิกายน 2552 เพียงร้อยละ 50 ของจำนวนกลุ่มตัวอย่างมีการกู้เงิน ร้อยละ 8 กู้เงินเพื่อซื้อรถยนต์และบัตรเครดิต และร้อยละ 7 กู้เงินเพื่อที่อยู่อาศัย ส่วนที่เหลือเป็นการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายอุปโภคบริโภคในครอบครัว จากแบบสอบถามพบว่า ร้อยละ 36 ของจำนวนผู้ที่กู้เงินให้ความเห็นว่า จะชะลอการกู้เงินในอนาคต เห็นว่าการกู้เงินสร้างปัญหามากกว่า
ในส่วนของสินเชื่อธุรกิจ บริษัทระดับกลางและเล็ก (SME) ร้อยละ 80 ไม่นิยมการกู้เงิน แต่ใช้เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ดังนั้น การขยายกิจการจึงมีไม่มาก บริษัทเติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง
บริษัทระดับกลางและเล็ก (SME) คิดเป็นร้อยละ 85 ของธุรกิจทั้งหมดในโปแลนด์ มีจำนวน 3,788,951 บริษัท ในปี 2007 มีส่วนสร้างรายได้ให้ 508.4 พันล้านสว๊อตตี้ (1 สว๊อตตี้ ประมาณ 12 บาท) คิดเป็น ร้อยละ 48 ของ GDP ร้อยละ 32 ดำเนินธุรกิจค้าขาย ร้อยละ 17 ธุรกิจบริการและอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 11 เป็นธุรกิจก่อสร้าง
บริษัทส่งออกสินค้ามีจำนวนทั้งสิ้น 15,845 บริษัท เป็น SME 13,804 บริษัท และบริษันำเข้ามี 16,290 ราย ในจำนวนนี้ เป็น SME 16,182 ราย
จากข้อมูลข้างต้นนี้ เห็นได้ว่าการค้าขายกับโปแลนด์มีความมั่นคง แต่จะเป็นไปอย่างช้าๆ ผู้นำเข้าโปแลนด์ไม่สั่งซื้อสินค้าครั้งละจำนวนมากเท่ากับประเทศอื่น จะมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนสั่งซื้อ หากสินค้าขายได้ดี ก็จะสั่งไปเรื่อยๆ และจะติดต่อซื้อขายระยะยาว ผู้ส่งออกไทยควรเข้าใจลักษณะเฉพาะของโปแลนด์ข้อนี้
สคต วอร์ซอ
Source : Polish Agency for Enterprise Development Activities, 3 Dec 09
PAP, 9 Dec 09
ที่มา: http://www.depthai.go.th