1. สถานการณ์เศรษฐกิจบังกลาเทศปัจจุบันมีสภาพคล่องมากเกินไป และเมื่อราคาสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้นอีกครั้ง บังกลาเทศจะประสบปัญหาเงินเฟ้อสูงถึงระดับเลข 2 หลักได้ คณะผู้แทน IMF เตือนบังกลาเทศในการเยือนบังกลาเทศเมื่อปลายเดือนต.ค.สภาพคล่องมากเกิน มาจากเงินโอนจากแรงงานในต่างประเทศ แม้ว่าการลงทุนจากต่างประเทศจะลดลง และประเมินว่า GDP =5% ลดลงจากปีก่อนซึ่ง=5.9% จากการนำข้าสินค้าทุนและเครื่องจักร การส่งออกลดลงและการจ้างงานแรงงานในตะวันออกกลางลดลง ประกอบกับปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าและพลังงานยังไม่ดีขึ้น
2. รายได้จากภาษีนำเข้าต.ค.เพิ่มขึ้น2%เป็นครั้งแรก เนื่องจากการนำเข้ารถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น
รัฐบาลบังกลาเทศได้ปรับอากรขาเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นตั้งแต่เริ่มปีงบประมาณใหม่ปี 2009-2010 จากร้อยละ16 สำหรับรถ 1500 ซีซี ถึงร้อยละ200 สำหรับรถซีซีสูง ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการนำเข้ารถยนต์สูง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการออกรถรุ่นใหม่ประจำปี
3. ธนาคารกลางบังกลาเทศรายงานว่า เงินสำรองเงินตราต่างประเทศ ณ 24 พ.ย.มีจำนวน 10,340.75 ล้านUSD เพิ่มขึ้นจากเดือนต้นพ.ย.ซึ่งมี จำนวน 7,200 ล้าน USD
4. ธนาคารกลาง ได้ออกหนังสือเวียนขอให้ธนาคารต่างๆลดค่าธรรมเนียมธนาคารลง อีกเป็นครั้งที่สองในรอบครึ่งปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ เช่น ค่าธรรมเนียมเปิดแอลซี ลดลงเป็น0.5% จาก 0.6% ค่ายืนยันแอลซีจาก 0,25%เป็น 0.20% แก้ไขและโอนเงินตามแอลซีจาก 1000 ตากาเป็น 750 ตากา ยกเว้นค่าโทรสาร สำเนาเอกสาร และยกเว้นดอกเบี้ยกรณีจ่ายเงินเกินกำหนด เป็นต้น
5. รัฐบาลประกาศ.ให้เงินอุดหนุนส่งออกครั้งที่สอง เพี่อลด ผลกระทบจากวิกฤตโลก 10,000ล้านตากาโดย5%.ให้อุตสาหกรรมต่อเรือ 5% ให้อุตสาหกรรมLeather 5%ให้ReadyMadeGarment และกำหนดให้ในปีสองให้4% ปีสามให้3% สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอ ให้เงินชดเชยสำหรับด้ายที่ส่งออก ให้เงินค่าธรรมเนียมสิทธิการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าใหม่ระหว่าง1Nov-09-Jun10แก่โรงงานทอผ้า และ โรงงานทอผ้าSMEได้รับเงินชดเชยค่าไฟ10%จนถึง Jun10 ให้เงินชดเชยสำหรับยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% หรือการส่งออกในพื้นที่ใหม่ๆ นอกจากสหรัฐ หรือยุโรป ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ =10%จาก13%และปรับระยะเวลาชำระนี้ออกไปจนถึงมิ.ย.2010
สมาคมผู้ส่งออกเสื้อผ้าไม่ค่อยพอใจ ว่าการให้เงินสนับสนุน 5% สำหรับยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนไม่เป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออกที่ขาดทุนแต่พอใจการปรับระยะเวลาการชำระหนี้จาก1พย.เป็นมิย.10+ลดอัตราดอกเบี้ย และการให้เงินอุดหนุนการหาตลาดใหม่
6. ภาวะการค้าสินค้าทั่วไปช่วงครึ่งเดือนหลังนี้ค่อนข้างดีมาก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลอีกเทศกาลหนึ่งของชาวมุสลิม เรียกว่า Eid-ul-Azha ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีการซื้อวัวหรือแพะหรือแกะเพื่อฆ่าและแจกจ่ายให้ญาติมิตรและคนยากจน รวมทั้งมีการจ่ายโบนัสประจำปี ครั้งที่ 2 ตามเทศกาล ปีหนึ่งๆมีการฆ่าวัวควายฯจำนวนมาก ปี 2551 จำนวน 2.8 ล้านตัว แพะ8 ล้านตัว และควาย 65,000 ตัว
7. ภาวะการส่งออกสินค้าจากไทย ปริมาณการส่งออกรวม ช่วงม.ค.-ต.ค.เพิ่มขึ้น6.81% จากการส่งออก น้ำตาลทราย สายไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และเครื่องปรับอากาศ ส่วนการส่งออกเฉพาะเดือนต.ค.สูงขึ้น14.82% จากการส่งออกน้ำตาลทราย เครื่องจักรกล ผลิตภัณฑ์พลาสติก เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องสำอาง โดยเฉพาะน้ำตาลทราย ซึ่งมีราคาสูงขึ้นอย่างมากและปริมาณในตลาดโลกลดลง จึงมีการนำเข้าไว้เก็งกำไรประกอบกับราคาสินค้านำเข้าหลายชนิดมีแนวโน้มสูงขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงธากา บังกลาเทศ
ที่มา: http://www.depthai.go.th