ภาวะเศรษฐกิจอิตาลีในระหว่างวันที่ 16 -30 พฤศจิกายน 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 14, 2009 17:16 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ภาวะเศรษฐกิจอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย. 2552 ค่อนข้างทรงตัว หลังจากมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีตั้งแต่เดือน ก.ย. 2552 เป็นต้นมา โดย ISAE (Institute For Economic Study & Analysis) ได้รายงานว่าในเดือน พ.ย. 2552 ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของอิตาลีเพิ่มขึ้นจาก 77.4 จุด ในเดือน ต.ค. 2552 เป็น 78.8 จุด ซึ่งสูงสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 2551 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากแนวโน้มของการขยายตัวของภาคการผลิต และความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศ และการลดลงของสินค้าคงคลัง

2. ISTAT ได้รายงานเพิ่มเติมว่าตั้งแต่กลางเดือน พ.ย. 2552 เป็นต้นมา กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจอิตาลีได้ผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยไปแล้ว โดยในไตรมาส 3 ของปี 2552 เศรษฐกิจอิตาลีได้ขยายตัวขึ้นหลังจากตกต่ำมาตลอดตั้งแต่ เม.ย. 2551 โดย GDP Growth ของอิตาลีเพิ่มขึ้น 0.6% สหรัฐ 0.9% เยอรมัน 0.7% ฝรั่งเศส 0.3% สหราชอณาจักร 0.4% และสเปน 0.3%

นอกจากนี้การส่งออกของอิตาลีในเดือน ก.ย. 2552 ได้เพิ่มสูงขึ้น 6.6% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดตั้งแต่ ม.ค. 2552 เป็นต้นมา แต่หากเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปี 2551 การส่งออกลดลง 18%

3. อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการอิตาลียังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และปัญหาการว่างงาน โดยจากรายงาน ISTAT ปรากฎว่าอัตราการว่างงานในเดือน ต.ค. 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 8% ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2547 โดยมีจำนวนผู้ว่างงานสูงถึงกว่า 2 ล้านคน (อัตราการว่างงานเดือน ก.ย. 2552 เท่ากับ 7.8% ในขณะที่เดือน ต.ค. 2551 เท่ากับ 7%)

4. OECD ได้รายงานว่าแม้เงื่อนไขด้านการเงินของอิตาลีจะได้มีการปรับให้ผ่อนคลายดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2552 ซึ่วทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และความต้องการภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น แต่ความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจทั้งในด้านระยะเวลาและคามมั่นคงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ยังคงมีอยู่ OECD เห็นว่าอิตาลีอาจได้รับผลด้านดีจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นแต่ปัญหาต้นทุนแรงงานที่สูง และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้ภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้น แม้ว่ากำลังซื้อของเงินเดือนจะลดลงก็ตาม และผลจากการที่อิตาลีเป็นประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงเป็นอันดับ 3 รองลงมาจากสหรัฐ และญี่ปุ่น ทำให้ไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องใช้เงินงบประมาณก้อนโตได้

5. สินค้าที่มีการฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนได้แก่ รถยนต์ โดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งภูมิภาคยุโรป (The European Automobile Manufacturer’s Association -ACEA) ได้รายงานว่าในเดือน ต.ค.2552 ยอดขายรถใหม่ในอิตาลีเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย. 2552 ที่เพิ่มขึ้น 6.8% เป็น 15.6% และยอดขายในภูมิภาคยุโรปก็เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย. 2552 ที่เพิ่มขึ้น 6.3% เป็น 11.2% ทั้งนี้ยอดขายดังกล่าวเป็นยอดขายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ ประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันออก 15 ประเทศและประเทศที่มีการทำ FTA กับสหภาพยุโรปจำนวน 4 ประเทศ ได้แก่ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ สวิสเซอร์แลนด์ และลิกเทนสไตน์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

5.1 ยอดขายในภูมิภาคยุโรปตะวันตกในเดือน ต.ค. 2552 เพิ่มขึ้น 15.8% แยกเป็น อิตาลี (+15.7%) ฝรั่งเศส (+20.3%) เยอรมัน (+24.1%) สเปน (+26.4%) และสหราชอาณาจักร (+31.6%)

5.2 ยอดขายของบริษัทเฟี้ยตในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปและ EFTA ในเดือน ต.ค. 2552 เพิ่มขึ้น 16.1% และในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก 15 ประเทศ เพิ่มขึ้น 18% โดยมีสัดส่วนตลาดในสหภาพยุโรปและ EFTA เพิ่มขึ้นเป็น 8.7% จากปีก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วนตลาด 8.3%

6. รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมอิตาลี (Mr.Claudio Scajola) ได้ออกมากล่าวว่ารัฐบาลพร้อมที่จะอัดฉีดเงิน 400 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือให้บริษัทเฟี้ยตที่มีโรงงานผลิตอยู่ที่แคว้นซิซิลี ไม่ต้องปิดโรงงาน โดยเงินช่วยเหลือจะมาจากรัฐบาลท้องถิ่นซิซิลี 300 ล้านยูโร และอีก 100 ล้านยูโร จะมาจากกระทรวงอุตสาหกรรมโรงงานดังกล่าวผลิตรถยนต์ Lancia Ypsilon ซึ่งเป็นรุ่นที่คนนิยมมาก มีคนงาน 1,370 คน ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวว่าบริษัทมีแผนจะปิดโรงงาน เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่อคันสูงกว่าโรงงานอื่นๆ ถึง 800-1,000 ยูโร สาเหตุเพราะการขาดสาธารณูปโภคที่ดีในการขนส่งรถยนต์จากโรงงานซึ่งต้องไปขึ้นที่ท่าเรือในเมืองคาทาเนียที่มีระยะห่างจากโรงงานถึง 180 กิโลเมตร ทั้งนี้ CEO ของบริษัทเฟี้ยตกล่าวว่าโครงการสร้างสะพานแขวนระหว่างซิซิลีกับแผ่นดินใหญ่ของรัฐบาลจะช่วยลดต้นทุนดังกล่าวได้อย่างมาก

7. รายงานข่าวจากสถาบันผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แจ้งว่าในปี 2552 ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยในอิตาลี จะลดลง 14% จากปีก่อนหน้า การที่รัฐบาลได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมการเก็บภาษีย้อนหลังโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนแจ้งทรัพย์สินที่แท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์สินในต่างประเทศจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลได้ในปี 2553 ทั้งนี้กฎหมายนิรโทษกรมดังกล่าว กำหนดให้ประชาชนอิตาลีที่แจ้งการครอบครองทรพัย์ สิน เสียภาษีย้อนหลังเพียง 5% และไม่ถือว่าเป็นอาชญากรซึ่งรวมถึงการแจ้งบัญชีเท็จและการลงทุนทางการเงินที่ผิดกฎหมายในต่างประเทศด้วย ทั้งนี้กระทรวงการคลังอิตาลีได้ประมาณการว่าผลจากกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าวจะสามารถเก็บภาษี ได้สูงถึง 4.5 พันล้านยูโร

8. ISTAT ได้รายงานภาวะการค้าในตลาดอิตาลีว่ายอดขายปลีกในเดือน ก.ย. 52 ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 0.1% และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 1.6% โดยยอดจำหน่ายสินค้าอาหารลดลง 0.2% และ 1.4% ในขณะที่สินค้าที่ไม่ใช่อาหารลดลง 0.1% และ 1.7% ตามลำดับ ทั้งนี้การลดลงของยอดขายปลีกดังกล่าวสามารถแยกออกเป็นการขายในร้านค้าขนาดเล็ก ลดลง 2.5% ในขณะที่ยอดขายในร้านค้าขนาดใหญ่ลดลงเพียง 0.1% โดยสินค้าที่มียอดขายปลีกลดลงในเดือน ก.ย. 52 ได้แก่เสื้อผ้า (-4.1%) รองเท้า (-3.6%) ในขณะที่ยอดขายปลีกของสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและอิเลคโทรนิคส์ (+0.2%) สินค้าของใช้ในบ้าน (+1.5%) แว่นตาและกล้องถ่ายรูป (+0.7%)

9. ISTAT ได้รายงานภาวะเงินเฟ้อในเดือน พ.ย. 2552 ได้เพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยเพิ่มขึ้นจากเดือน ต.ค.2552 ซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อ 0.3% เป็น 0.7% นับเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่ได้ลดลงเหลือ 0 ในเดือน ก.ค. 2552

ดัชนีผู้บริโภคของเดือน พ.ย. 2552 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 2552 เพิ่มขึ้น 0.1% โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้แก่ การเพิ่มขึ้นของสินค้าพลังงาน (1.5%) และการเพิ่มขึ้นของค่าขนส่งสินค้าทั่วไปและบริการ (0.5%)

  • ราคาน้ำมัน (Unleaded Juel) เพิ่มขึ้น 3.5% และ 5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
  • ราคาทอง เพิ่มขึ้น 3.1% และ 13.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
  • ราคาสินค้าหมวดการสื่อสาร (Communications) ลดลง 0.3% และราคาของสินค้าในบาร์และร้านอาหารลดลง 0.5%

11. สมาคมผู้ค้าปลีก (Confesercenti) ได้กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ส่งผลให้ความต้องการบริโภคภายในประเทศอ่อนตัวลง และตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันได้ว่าภาคครัวเรือน และธุรกิจขนาดเล็กเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่รัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือ

ทั้งนี้ กลุ่มผู้บริโภค CODACONS ได้ตั้งคำถามถึงวิธีการคำนวณอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยดังกล่าวและเห็นว่าในความเป็นจริงราคสินค้าจะขึ้นอยู่กับต้นทุนค่าครองชีพ (Cost Of Living) รวมทั้งช่วงเวลาวันหยุดที่จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริโภค ADOC ยังได้กล่าวว่ารัฐบาลควรผ่อนคลายการเก็บภาษีจากเงินโบนัสในช่วงเทศกาลคริสต์มาส มิฉะนั้นจะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันหยุดเทศกาลลดลงถึงร้อยละ 7 จากปีที่ผ่านมา

12. อิตาลีและสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีความตกลงแผนความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสำหรับปี 2553-2555 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน ซึ่งเป็นผลจากการเห็นพ้องร่วมกันเมื่อเดือน มิ.ย. 2551

13. ตำรวจเมืองนาโปลีได้ตรวจจับสินค้าเสื้อผ้ามูลค่ากว่า 1 ล้านยูโร จำนวนกว่า 116,000 ชิ้น จากร้านขายส่งเสื้อผ้าของจีนในเมืองนาโปลี ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการป้องกันสินค้าปลอมแปลงแหล่งกำเนิดโดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีนแต่นำมาติดป้าย “Made in Italy” เพื่อปกป้องสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ทั้งนี้เมื่อกลางเดือน พ.ย. 2552 รัฐสภาอิตาลีได้ให้ความเห็นชอบระเบียบการติดป้าย“Made in Italy” ให้มีเงื่อนไขและมีบทลงโทษที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้ค้าสินค้าที่ปลอมแปลงว่าเป็นสินค้าที่ดีไซน์และผลิตในอิตาลี

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ