กลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่มคาดปี 2553 ส่งออกจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2552 โดยเฉพาะกลางปี 2553 ช่วงจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเสื้อผ้ากีฬาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการประชุมประเมินสถานการณ์ การส่งออกกลุ่มสินค้าแฟชั่น เพื่อรับฟังปัญหาและภาวะการส่งออกของภาคเอกชนโดยมีผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าแฟชั่นเข้าร่วมประชุม 3 กลุ่มสินค้า ได้แก่ สินค้าสิ่งทอ เครื่องใช้ในการเดินทาง เครื่องหนังและรองเท้า และอัญมณีและเครื่องประดับ ว่า “การส่งออกสินค้าสำคัญของไทยในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2552) มีมูลค่าทั้งสิ้น 124,114 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 19.6 จากช่วงเดียวกันของปี 2551 ส่วนการส่งออกในเดือนตุลาคม 2552 มีมูลค่า 14,813 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2551 โดยในส่วนของสินค้าแฟชั่นประเภทสิ่งทอมียอดการส่งออกในช่วง10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2552) มีมูลค่าถึง 5,299.76 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าประเภทเครื่องใช้ในการเดินทาง เครื่องหนัง และรองเท้า ในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2552) มีมูลค่าการส่งออกถึง 1,182.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสินค้าประเภทอัญมณีและเครื่องประดับในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค. 2552) มียอดการส่งออกถึง 8,774.84 ล้านเหรียญสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการให้ความเห็นว่ามูลค่าการส่งออกของกลุ่มสินค้าแฟชั่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 จะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น ในทุกกลุ่มสินค้า เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2552 สำหรับภาวะการณ์การส่งออกในปี 2553 นั้น คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2552 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งในปัจจุบันมีมูลค่าการส่งออกลดลงถึงร้อยละ 16.20 เนื่องจากในช่วงกลางปี 2553 จะมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ทำให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเสื้อผ้ากีฬาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิต สินค้าเสื้อผ้ากีฬาเป็นอันดับ 2 ของโลก ทำให้คาดว่าในปี 2553 มูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2552
ส่วนสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ คาดว่าในปี 2553 จะมีมูลค่าการส่งออกในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2552 เนื่องจากในปัจจุบันมูลค่าการส่งออกของกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 30.85 ซึ่งเป็นผลมาจากมีการส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูปในปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2552 และราคาทองคำในตลาดโลกมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2553 ปริมาณการส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูปของไทยจะมีปริมาณที่น้อยกว่าหรือเทียบเท่ากับปี 2552
ที่มา: http://www.depthai.go.th