1. ความสำคัญของตลาด ตลาดผลไม้ของสวิตเซอร์แลนด์นับเป็นตลาดขนาดเล็กเมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่น หากแต่เป็นตลาดพรีเมี่ยมที่มีอำนาจการซื้อสูง สินค้าผลไม้กว่าครึ่งหนึ่งเป็นสินค้านำเข้าเนื่องจากสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกตลอดทั้งปี ในระยะ 3-5 ปีที่ผ่านมาชาวสวิสนิยมบริโภคผลไม้มากยิ่งขึ้นเนื่องจากหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ตลาดสินค้าผลไม้ในสวิสขยายตัวมากขึ้นตามลำดับ
2. ประเภทสินค้า ผลไม้ในสวิสเซอร์แลนด์จำแนกได้ดังนี้
2.1 ผลไม้ที่ปลูกในประเทศ
2.2 ผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศยุโรปอื่น เช่น แพร์ เชอร์รี่ ลูกพรุน แอปริคอท
2.3 ผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถเพาะปลูกในสวิสได้ (exotic) เช่น สับปะรด กล้วย องุ่น ส้ม มะละกอ กีวี
3. ขนาดบริโภค ปัจจุบันสวิสมีประชากรประมาณ 3 ล้านครัวเรือน โดยมากเป็นครอบครัวขนาดเล็ก เฉลี่ย 2.2 คนต่อ 1 ครัวเรือน ส่งผลต่อวิถีการบริโภคซึ่งเน้นสินค้าคุณภาพสูงเป็นหลัก โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจะเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปเพื่อสะดวกในการรับประทานและสินค้าแพ็คเล็กซึ่งมีขนาดเหมาะสมต่อการบริโภคต่อ 1 ครั้ง
1. ช่องทางการกระจายสินค้า จำแนกได้ดังนี้
1.1 ธุรกิจร้านอาหาร/โรงแรม คิดเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าตลาดทั้งหมด โดยนำสับปะรดไปใช้ในการปรุงอาหารและขนมหวาน
1.2 ร้านค้าปลีก คิดเป็นร้อยละ 40 ของมูลค่าตลาดทั้งหมดโดยมีผู้นำเข้าหลักเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของสวิส 2 ห้าง คือ Migros และ Coop ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดรวมกันทั้งสิ้นร้อยละ 80
2. สินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ สับปะรดกระป๋องชนิดแผ่นบรรจุในน้ำเชื่อม โดยได้รับความนิยมมากกว่าชนิดแผ่นบรรจุในน้ำหรือชนิดหั่นเป็นชิ้นละเอียด
3. ขนาดบรรจุ เรียงตามสินค้าที่ได้รับความนิยมที่สุด ดังนี้
3.1 ขนาด 567 ก./340 ก. ชนิดแผ่น บรรจุ 10 แผ่น/กระป๋อง
3.2 ขนาด 3063 ก./1750 ก. ชนิดแผ่น บรรจุ 50-60 แผ่น/กระป๋อง
3.3 ขนาด 234 ก./136 ก. ชนิดแผ่น บรรจุ 4 แผ่น/กระป๋อง
4. ราคาสินค้า (เรียงตามข้อ 6)
4.1 ราคาสั่งซื้อของผู้นำเข้า ได้แก่ 0.25-0.40 CHF, 1.1-1.5 CHF และ 0.16-0.18 CHF ตามลำดับ
4.2 ราคาขายปลีก ได้แก่ 0.70-1.20 CHF, 3.5-4.6 CHF และ 0.50-0.55 CHF ตามลำดับ
1. ความนิยมในการบริโภค สับปะรดสดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีรสชาติดีและมีราคาถูกลงกว่าเมื่อก่อน โดยมากนิยมบริโภคสับปะรดสดมากกว่าสับปะรดกระป๋อง คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 2-3 เท่า
2. ช่องทางการกระจายสินค้า จำแนกได้ดังนี้
2.1 ธุรกิจร้านอาหาร/โรงแรม คิดเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าตลาดทั้งหมด
2.2 ร้านค้าปลีก คิดเป็นร้อยละ 40 ของมูลค่าตลาดทั้งหมดโดยมีผู้นำเข้าหลักเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของสวิส 2 ห้าง คือ Migros และ Coop ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดรวมกันทั้งสิ้นร้อยละ 80
3. ราคาสินค้า จำหน่ายเฉลี่ยประมาณกิโลกรัมละ 3.0-3.5 CHF ต่อหนึ่งกิโลกรัม หรือประมาณ 3.95-5.2 CHF ต่อหนึ่งลูกโดยมากเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ซึ่งตัดในขณะที่ยังไม่แก่และขนส่งมาทางเรือ ทำให้มีราคาถูกกว่าสับปะรดของไทยซึ่งจะตัดเมื่อแก่จัดและส่งมาทางเครื่องบิน
1.1 สินค้าผลไม้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าพื้นเมืองหรือนเข้าต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 2.4 %
1.2 ภาษีนำเข้า จำแนกเป็นตามประเภทของสินค้า ได้แก่
- ผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศยุโรปอื่นต้องระวางภาษีตามฤดูกาลที่นำเข้าสินค้านั้นๆ มาในสวิส หากนำเข้าในช่วงฤดูกาลที่มีสินค้าท้องถิ่นชนิดเดียวกันวางจำหน่ายจะต้องเสียภาษีในปริมาณสูงมากกว่าในฤดูกาลที่ไม่มีสินค้าท้องถิ่นวางขายนอกจากนั้นอัตราภาษียังขึ้นอยู่กับปริมาณโควต้าของสินค้าในแต่ละช่วงของปีอีกด้วย
- ผลไม้ที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ เช่น สับปะรด ไม่มีภาษีนำเข้าและไม่มีการกำหนดปริมาณการนำเข้า
2.1 Global GAP สำหรับสินค้านำเข้าและ Swiss GAP สำหรับสินค้าท้องถิ่น
2.2 กฎหมายว่าด้วยสินค้าเพื่อการบริโภค (มาตรา 817.0)
2.3 กฎระเบียบว่าด้วยการปนเปื้อนของสารเคมีและสารตกค้างในสินค้า (มาตรา 817.021.23)
2.4 กฎระเบียบว่าด้วยสาร additive ต่างๆ ในผลไม้ (มาตรา 817.022.31)
2.5 กฎระเบียบว่าด้วยมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยของผู้บริโภค (มาตรา 817.024.1)
ปัจจุบันสับปะรดกระป๋องของไทยครองตลาดสวิส โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึงร้อยละ 53.04 ทิ้งห่างคู่แข่งสำคัญ คือ ฟิลิปปินส์ค่อนข้างมากจากการสอบถามผู้นำเข้าชาวสวิส ตลาดสับปะรดกระป๋องนับเป็นตลาดที่เน้นการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก สับปะรดกระป๋องของไทยจึงยังมีลู่ทางในตลาดมากเนื่องจากยังมีราคาดีกว่าสินค้าจากประเทศคู่แข่งอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศในแถบอเมริกาใต้และประเทศจีนได้หันมาเพิ่มการเพาะปลูกสับปะรดมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีตลาดรองรับสูงคาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันได้มากยิ่งขึ้นและจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ
1. สับปะรดสดที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนมากนำเข้าจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ นิยมตัดผลเมื่อยังไม่สุกเต็มที่และขนส่งมาทางเรือก่อนบ่ม/จำหน่ายแก่ผู้บริโภคต่อไป สำหรับสับปะรดไทยส่วนมากตัดเมื่อแก่จัดและส่งมาทางเครื่องบิน ทำให้มีราคาต่อหน่วยสูงกว่าสับปะรดจากอเมริกาใต้เป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยราคาจะสูงกว่าถึงประมาณร้อยละ 100-250 ทำให้สับปะรดไทยมียอดจำหน่ายในปริมาณไม่มากนักและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคระดับบนเท่านั้น
2. สับปะรดสดที่จำหน่ายในท้องตลาดยังประสบปัญหาสารเคมีตกค้างอยู่ในปริมาณมาก
ไทย สัดส่วนตลาด 53.04%
1. ฟิลิปปินส์ 17.93%
2. อินโดนีเซีย 17.47%
3. มาเลเซีย 3.17%
4. เวียดนาม 2.64%
5. ฝรั่งเศส 1.7%
1. คอสตาริก้า สัดส่วนตลาด 44.04%
2. กาน่า 20%
3. เนเธอร์แลนด์ 9.42%
4. ฝรั่งเศส 5.66%
5. เยอรมนี 5.63%
ที่มา: http://www.depthai.go.th