มูลเหตุ: รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ตัดลดมูลค่าเงินวอน (ณ 30 พ.ย. 2552) ด้วยการตัดศูนย์ออก 2 ตัว(เปลี่ยนธนบัตรมูลค่า 1,000 วอนเป็นพันธบัตรใหม่ที่มีมูลค่าอยู่ 10 วอน) จากมูลค่าเงินวอนที่มีอยู่ในธนบัตรตามปกติ เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อและการเก็งกำไรค่าเงินในตลาดมือ ซึ่งมาตรการดังกล่าวนับเป็นการปรับค่าเงินครั้งแรกในรอบ 17 ปีของเกาหลีเหนือ
1. การลงโทษ ผู้ประกอบการเอกชนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายในตลาดมืด: โดยรัฐบาลปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดความต่างระหว่างจำนวนทรัพย์สินของประชากร และแก้ปัญหาการซื้อขายเงินในตลาดมืด ทั้งนี้
มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบในแง่ลบกับชนชั้นกลาง ที่ถือเงินวอนของเกาหลีเหนือ แต่ขณะเดียวกันก็จะไม่มีผลกับประชาชนที่ถือเงินสกุลต่างประเทศ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์สถานการณ์ ลงความเห็นว่าปรับลดค่าเงินสกุลท้องถิ่นยังเป็นการสร้างความร่ำรวยให้กับประเทศผ่านความเจ็บปวดและการเสียสละของประชาชน โดยการเปลี่ยนแปลงค่าเงินดังกล่าวเป็นความพยายามของนายคิม จอง-อิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือที่จะควบคุมชาวเกาหลีเหนือ 24 ล้านคนให้มากขึ้น ก่อนจะส่งมอบอำนาจการบริหารประเทศให้กับลูกชาย
2. การแก้ปัญหาเงินเฟ้อ: ที่เกิดจากการลักลอบซื้อขายสินค้าที่ผลิตเองหรือลักลอบนำเข้าจากจีนของประชาชนทั่วไป (ตามปกติ รัฐบาลเกาหลีเหนือจะเป็นผู้กำหนดการซื้อขาย ตลอดจนราคาสินค้าทั้งหมด) อย่างไรก็ตาม นโยบายการปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยนของเกาหลีเหนือดังกล่าว จะส่งผลให้ไม่มีการลักลอบนำเข้าสินค้าจากจีน ทำให้ปริมาณสินค้า (โดยเฉพาะอาหาร และสินค้าอุปโภคบริโภค) ในเกาหลีเหนือลดน้อยลงไปอีก
สรุป : เนื่องจากแคนาดาไม่มีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศกับเกาหลีเหนือ การปฏิรูปอัตราแลกเปลี่ยนของเกาหลีเหนือ จึงไม่มีผลกรัทบต่อภาวัการซื้อขายรัหว่างแคนาดา-ไทย
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแวนคูเวอร์
ที่มา: http://www.depthai.go.th