ถ้าดูจากการขายหน้าเคาน์เตอร์ในยุคนี้ อัญญมณีเครื่องประดับเงินในอเมริกาน่าจะเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคถามหามากที่สุด แต่จากรายงาน "Silver Long-Term Outlook" ของ CPM Group ปรากฏว่า ความต้องการ วัตถุดิบโลหะเงินเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมสินค้าอัญญมณีเครื่องประดับเงินในปี 2009(2552) กลับลดลง
ปัจจุบันความต้องการใช้โลหะเงินทั้งในอุตสาหกรรมอัญญมณีและเครื่องเงิน คิดเป็นสัดส่วน 35-40%ของการใช้โลหะนี้ รองประธานบริหารของ CPM Group, Mr.Adam Crown ได้ให้สัมภาษณ์วารสาร National Jeweler คาดว่าความต้องการใช้โลหะเงินเพื่อการนี้ ลดลงประมาณ 4% เป็น 249.9 ล้านออนซ์ในปี 2009(2552) เนื่องจากผู้บริโภคลดการซื้อสินค้าทาด้วยเงิน
การใช้โลหะเงินในอุตสาหกรรมอัญญมณีและเครื่องเงินเคยขึ้นสูงสุดในปี 1998(2541) โดยขึ้นไปถึง 293.5 ล้านออนซ์ แต่ถ้าเทียบกันแล้ว ความต้องการในช่วงปี '80 จะเพิ่มสูงถึง 20%โดยเฉลี่ย เทียบกับ 10-15% ในช่วงต้นทศวรรษนี้
ประเทศที่มีความต้องการโลหะเงินเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอัญญมณีและเครื่องเงินมากที่สุด คือ อินเดีย รองลงมาคือประเทศไทย และอิตาลี อเมริกา
ราคาโลหะเงินโดยเฉลี่ย 14.70 เหรียญฯในปี 2009 สูงกว่าราคาเฉลี่ย 4.81 เหรียญฯในช่วงปี 1990-2003 ถึง 3 เท่า โดยราคาดังกล่าวถูกดึงให้สูงขึ้นเนื่องจากความต้องการของนักลงทุน ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาทุ่มซื้อโลหะเงินมากกว่า 400 ล้านออนซ์
บริษัท CPM คาดว่า อุตสาหกรรมอัญญมณีจะมีความต้องการโลหะเงินลดลงในระยะปานกลาง แต่ในระยะยาว คือ หลังปี 2011(2554) ไปแล้ว ความต้องการอัญญมณีทาด้วยเงินจะค่อยๆฟื้นตัวกลับมา
สานักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
รายงานจาก National Jeweler Network
ที่มา: http://www.depthai.go.th