สถานการณ์เศรษฐกิจการค้าของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 11, 2010 15:30 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ปี 2553 หลายประเทศทั่วโลกคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเป็นรูปเป็นร่างให้เห็น แต่จากข้อเท็จจริงภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเฉพาะดูไบยังดูเลือนราง ภาวะตลาดหุ้นที่ยังไร้เสถียรภาพ อีกทั้งวิกฤติด้านการเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และความไม่สงบของประเทศใกล้เคียงพร้อมที่จะฉุดให้การฟื้นตัวชะลอออกไปอีกในระยะครึ่งปีแรก แต่คาดว่าหลังจากการชำระหนี้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐอาบูดาบี ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น

นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 ตามด้วยวิกฤติเศรษฐกิจโลก 2552 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจยูเออีของปีที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซา กอรปกับรัฐบาลดูไบประกาศเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2552 เพื่อขอพักชำระหนี้ฉุดให้สถานการณ์เศรษฐกิจดูไบที่เริ่มกระเตื้องขึ้นกลับดิ่งลงไปอีก

รัฐอาบูดาบีตัดสินใจอัดฉีดเงินจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือบริษัทดูไบเวิลด์แก้ไขปัญหาในระยะแรกไปก่อน และเพื่อต่อเวลาให้บริษัทดูไบเวิลด์สามารถปรับโครงสร้างทางการเงิน เป็นสัญญานที่แสดงให้เห็นว่าทางการของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะไม่ปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น ดูไบเวิลด์ ล้มละลาย เพราะในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อรัฐอาบูดาบีด้วย และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการณ์นักลงทุนท้องถิ่นและจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ถึงกระนั้นความเห็นของนักวิเคราะห์ตลาดส่วนใหญ่เชื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐดูไบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมก่อสร้างคงยังชลอตัวไปก่อนจนถึงปี 2554

ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นไม่ต่างกับประเทศทั่วโลกที่รัฐบาลใช้เงินงบประมาณมหาศาล เพื่อปกป้องวิกฤติไม่ให้เลวร้าย การดำเนินนโยบายกระตุ้นความต้องการในประเทศ การลงทุนภาคสาธารณะเพื่อชดเชยการใช้จ่ายของภาคเอกชนที่ลดลง

นักเศรษฐศาสตร์ของภูมิภาคตะวันออกกลางได้วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจยูเออีของปี 2553 ว่าจะไม่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ซึ่งก่อนเหตุการดูไบเวิร์ดนั้นเดิมได้คาดการณ์ไว้จะขยายตัว 3.5% โดยคาดการณ์ไว้ว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกประมาณวันละ 1 ล้านบาเรล ประมาณไว้บนฐานของราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบปี 2553 อยู่ที่ราคาบาเรลละ 75 เหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนี้ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับทางรอดของบริษัทและนโยบายของภาครัฐที่จะต้องดำเนินการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วย การหันกลับมาให้ความสำคัญในจุดแข็งของประเทศทั้งด้านการขนส่งสินค้าและ Logistic บรรยากาศที่เอื้ออำนวยด้านการค้าการลงทุนของภูมิภาค ตลอดจนการเป็นจุดหมายแห่งการท่องเที่ยวและโรงแรมชั้นนำ เป็นต้น

สำหรับประมาณการส่งออกของไทยไปยูเออีปี 2553 นั้น สคต.ดูไบประมาณไว้ที่มูลค่า 2,402 ล้านเหรียญหรือขยายตัวลดลง -14% กลุ่มสินค้าที่ไทยมีความได้เปรียบคู่แข่ง ได้แก่ อาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ