รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าภูมิภาคยุโรป ระหว่างวันที่ 16-31 ธันวาคม 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 12, 2010 10:48 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ภาวะเศรษฐกิจในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2552 ค่อนข้างคงที่จากที่ตลาดได้เริ่มคึกคักตั้งแต่ พ.ย.52 เป็นต้นมา เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อของสินค้ามากขึ้น โดยสมาคมผู้บริการค้าปลีกแห่งอิตาลี (Confesercenti) ได้ออกมาเปิดเผยว่าครอบครัวอิตาเลี่ยนจะใช้จ่ายในช่วงปีใหม่นี้เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นโดยคาดว่าวงเงินที่ครอบครัวอิตาเลี่ยนจะใช้จ่ายอยู่ในราว 117 ยูโรสาหรับการกิน ดื่มและเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่(2553)

ผลการสำรวจพบว่า 43% ของครอบครัวอิตาเลี่ยนวางแผนที่จะใช้เงินน้อยกว่า 75 ยูโร ในขณะที่ 30 % ยินดีที่จะใช้จ่ายถึง 250 ยูโรหรือมากกว่าและน้อยกว่า 3% แจ้งว่าไม่มีความสามารถที่จะใช้จ่ายในการฉลองปีใหม่นอกจากนี้ 80% ของคนอิตาเลี่ยนวางแผนจะอยู่ฉลองที่บ้านกับเพื่อนๆ ขณะที่ 10% จะออกไปฉลองตามร้านอาหารและไนท์คลับและ 1 ใน 10 ของครอบครัวอิตาเลี่ยนวางแผนที่จะเดินทางไปฉลองในต่างประเทศส่วนที่เหลือจะฉลองในอิตาลี สถานที่ท่องเที่ยวได้แก่ เมืองหลวงทางด้านศิลปะในกลุ่มประเทศ EU และรีสอร์ทตามภูเขาต่างๆ โดยมีราคาแพ็คเก็จทัวร์ประมาณ 683 ยูโรต่อคน

2. ISAE (The Institute for Economic Study and Analysis) ได้เปิดเผยการศึกษาว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน ธ.ค. 52 ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี 52 และตั้งแต่ ก.ค. 2545 เป็นต้นมาคือเพิ่มขึ้นจาก 112.8 จุดในเดือนพ.ย. เป็น 113.7 จุดในเดือน ธ.ค. 52 โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในแถบตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง เพิ่มขึ้นปานกลางในแถบตะวันตกเฉียงเหนือและลดลงเล็กน้อยในทางตอนใต้ของอิตาลี

ทั้งนี้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นการเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านโอกาสในอนาคตอันใกล้ เงื่อนไขทางเศรษฐกิจรายบุคคลสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของความสามารถในการออมในอนาคตและการซื้อสินค้าคงทน(Durable goods)

3. สำนักงานสถิติของอิตาลี (ISTAT) ได้รายงานว่ายอดจำหน่ายปลีกในเดือน ต.ค. 53 เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (สินค้าที่เพิ่มขึ้นได้แก่ อาหาร +0.3% และสินค้าที่มิใช่อาหาร +0.7%) แต่ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบยอดจำหน่ายปลีกในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.—ต.ค.) ของปี 52 กับช่วงเดียวกันของปีก่อน การจำหน่ายปลีกสินค้าอาหารลดลง -1.6% และสินค้าที่ไม่ใช่อาหารลดลง -2%

4. สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งอิตาลี(CONFCOMMERCIO) ได้คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคอิตาลีในปี 2553 จะเพิ่มขึ้น +0.7% และ +1.1% ในปี 2554 โดยที่ผ่านมาในปี 2551 การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง -0.9% และคาดว่าในปี 2552 จะลดลง -1.7% นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์ว่า GDP ของอิตาลีในปี 2553 จะเท่ากับ +1% และ +1.1% ในปี 2554 ในขณะที่ปี 2551 ลดลง -1% และคาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ -4.6%

นอกจากนี้ ยังคาดการกำลังซื้อของผู้บริโภคอิตาลี (Consumer purchasing power) ในปี 2552 โดยคำนวนจากรายได้ประชาชาติต่อหัว (GDP per capita) ว่าจะเท่ากับ 20,300 ยูโร ลดลงจากปี 2551 ซึ่งเท่ากับ 21,400 ยูโรและคาดว่าในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,400 ยูโร (ตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา ปีที่กำลังซื้อของผู้บริโภคต่ำที่สุดคือปี 2542 ซึ่งเท่ากับ 20,100 ยูโรและสูงสุดคือปี 2550 ซึ่งเท่ากับ 21,800 ยูโร)

5. สำนักงานสถิติแห่งชาติอิตาลี (ISTAT) ได้รายงานว่าอัตราการว่างงานของอิตาลีในเดือน ต.ค. 52 เพิ่มขึ้น 8% ของกำลังแรงงาน (labor force) สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2547 เป็นต้นมา โดยมีจำนวนผู้กำลังหางานทั้งสิ้น 2.039 ล้านคน โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ของปี อัตราการว่างงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 7.8 % สูงที่สุดในรอบปี 52 คิดเป็นแรงงาน 508,000 คน แยกเป็นทางตอนใต้ของอิตาลี 196,000 คน (12.4%), ตอนกลางของอิตาลี 38,000 คน (6.9 %), ในทางตอนเหนือ 274,000 คน (5.5%)

ด้านการส่งออกในเดือน พ.ย.52 อิตาลีส่งออกเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้าในขณะที่การนำเข้าคงที่ และในช่วง 11 เดือนของปี 52 การส่งออกลดลง 10.3% การนำเข้าลดลง 18.5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้อิตาลีขาดดุลการค้าเท่ากับ 3,592 พันล้านยูโร

6. สถาบันศึกษาและวิเคราะห์เศรษฐกิจแห่งอิตาลี (ISAE) ได้รายงานว่า ความเชื่อมั่นของธุรกิจภาคการผลิตของอิตาลีในช่วงเดือน ธ.ค.52 ได้เพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย.51 เป็นต้นมาโดยมีดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 82.6 จุด เพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่เท่ากับ 79.4 จุดซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตและความต้องการสั่งซื้อโดยเฉพาะจากต่างประเทศ ในขณะที่สินค้าคงคลังคงที่และต่ำกว่าระดับปกติ รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อที่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

7. ผลการศึกษาขององค์การท่องเที่ยวอิตาลี (CTS Tourism Agency) ได้รายงานว่าแม้ที่ผ่านมาภาวะเศรษฐกิจจะต้องประสบปัญหาวิกฤตแต่สำหรับการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสของปี 52 นี้ก็ยังคงมีความคึกคัก โดยคนอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่จะเลือกท่องเที่ยวระยะเวลาสั้นๆ และในประเทศใกล้เคียงเพื่อประหยัดเงิน ทั้งนี้ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนอิตาลีเกี่ยวกับสถานที่จะเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวปรากฎว่าประเทศที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ได้แก่ เมืองหลวงของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปด้วยกันได้แก่ ปารีส (30%) บาร์เซโลนา (28%) ลอนดอน (25%) และเมืองอื่นๆ (17%) ส่วนสถานที่ที่ท่องเที่ยวในอิตาลีได้แก่ โรม ฟลอเรนซ์ เวนิซ และริมินี (RIMINI) โดยเฉพาะสถานที่ด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญๆ โดยระยะเวลาในการท่องเที่ยวเฉลี่ยประมาณ 4 วัน

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวแบบระยะยาวนั้น คนอิตาเลี่ยนนิยมเลือกไป สหรัฐฯ (35%) ไทย (28%) และอินเดีย (10%) โดยใช้ระยะเวลาในการท่องเที่ยวประมาณ 9 วัน

8. กลุ่มผู้บริโภคของอิตาลี (CODACONS) ได้เปิดเผยว่าคนอิตาเลี่ยนมากกว่าครึ่งไม่สนใจเทศกาลลดราคาช่วงฤดูหนาว(winter sales) ที่จะเริ่มลดราคา 20-40 % ตั้งแต่ต้น ม.ค. 53 เนื่องจากการหดตัวของงบค่าใช้จ่ายของครัวเรือนและคาดว่ายอดจำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคาดังกล่าวจะลดลงถึง 20% โดยประมาณการว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนสำหรับสินค้าเสื้อผ้าและเครื่องประดับจะอยู่ที่ 130 ยูโร ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับตัวเลขที่สมาคมผู้ค้าปลีกอิตาลี(CONFCOMMERCIO) ได้ประมาณการไว้ที่ 400 ยูโรต่อครัวเรือน

ทั้งนี้ ผู้ค้าปลีกหวังว่ามูลค่าการค้าในช่วงเทศกาลลดราคาของปี 2552 จะอยู่ที่ 6.1 พันล้านยูโร ในขณะที่สมาคมผู้ค้าปลีกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.25 พันล้านยูโร

9. ผลการศึกษาของมูลนิธิเพื่อการวิจัยด้านมนุษยชาติแห่งอิตาลี (Multiethnic Research Foundation —ISMU) ปรากฎว่า ณ เดือน ม.ค. 52 มีคนต่างชาติขอนุญาตเดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ในอิตาลี (Immigrants) จานวน 4.8 ล้านคน ในขณะที่จำนวนคนเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายเริ่มลดลงจากปี 2551 ที่สูงถึง 651,000 คน เป็น 422,000 คน และได้ประมาณการว่าจะมีจำนวนคนต่างชาติในอิตาลีมากกว่า 10 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า ชาติที่อาศัยอยู่ในอิตาลีมากที่สุดได้แก่ โรมาเนีย ( 968,000 คน) อัลบาเนีย (538,000 คน) และ โมรอคโค (497,000 คน โดยชาติที่มีการเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายมากที่สุดได้แก่ โมรอคโค (59,000 คน) อัลบาเนีย (54,000 คน) และยูเครน (28,000 คน) ในด้านศาสนาพบว่าคนคนต่างชาตินับถือศาสนาอิสลามมากที่สุดในจานวนมากกว่า 1.2 ล้านคน รองลงมาคือคาทอลิก จานวน 860,000 คน

10. ผลการวิจัยของศูนย์ศึกษา CENSIS (Social Investments Study Center) พบว่าการจัดตั้งธุรกิจขนาดเล็กที่ดำเนินการโดยคนต่างชาติ (Immigrants) ในอิตาลีได้เพิ่มสูงขึ้นและในทางกลับกันมีแนวโน้มธุรกิจที่ดำเนินการโดยคนอิตาเลี่ยนกลับต้องปิดกิจการลงโดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 จำนวนของธุรกิจขนาดเล็กที่ดำเนินการโดยคนต่างชาติเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (คิดเป็นร้อยละ 6 ของจำนวนธุรกิจขนาดเล็กทั้งหมดในอิตาลี) ขณะเดียวกันธุรกิจขนาดเล็กที่ดำเนินการโดยคนอิตาเลี่ยนกลับลดลง 0.4%

11. การคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอิตาลี สมาพันธ์อุตสาหกรรมอิตาลี (CONFINDUSTRIA) ได้เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจของอิตาลีล่าสุดมีภาพที่สดใสขึ้นกว่าเดิมแม้ว่ายังคงมีปัญหาการว่างงานที่ค่อนข้างสาหัสอยู่ก็ตามและได้คาดการณ์ตัวชี้วัดเศรษฐกิจดังนี้

11.1 GDP Growth ในปี 2552 จะเท่ากับ -4.7% , +1.1% ในปี 2553 และ +1.3% ในปี 2554 และเพื่อให้ได้ GDP ดังกล่าวในช่วง 2 ปีข้างหน้า อิตาลีจะต้องเพิ่มการส่งออก +4% ในปี 2553 และ +4.2% ในปี 2554 (ปี 2551-2552 อิตาลีส่งออกลดลง - 22 %)

11.2 การว่างงาน คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ 7.6% (จำนวน 342,000 คน) , 8.7% ในปี 2553, และ 9% ในปี 2554 (คิดเป็นจำนวนคนตกงานที่เพิ่มขึ้นอีก 195,000 คน)

11.3 การส่งออก คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ -19% และ +4% ในปี 2553

11.4 การนำเข้า คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ -14.7% และ +3.8 % ในปี 2553

11.5 ดุลการค้า คาดว่าในไม่กี่ปีข้างหน้าอิตาลีจะขาดดุลการค้าประมาณ 5% ของ GDP โดยมีหนี้สาธารณะในปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 118% ของ GDP (อิตาลีมีหนี้สาธารณะสูงเป็นอันดับ 3 รองลงมาจาก สหรัฐฯและญี่ปุ่น โดยข้อมูลจาก Central Bank ณ เดือน ต.ค. 52 อิตาลีมีหนี้สาธารณะถึง 1,801,635 พันล้านยูโร)

11.6 อัตราเงินเฟ้อ คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ 0.8% , 1.4% ในปี 2553 และ 2% ในปี 2554

11.7 การบริโภคภาคเอกชน หลังจากการลดลง -0.9% ในปี 2551 คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ -1.7% สูงสุดนับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และจะกลับฟื้นขึ้นได้เป็น +0.8% ในปี 2553 ซึ่งเป็นผลจากรายได้ภาคครัวเรือนที่แท้จริงเพิ่มขึ้น 0.8% , การลดลงของอัตราดอกเบี้ยและภาวะ เงินเฟ้อ

11.8 การลงทุน คาดว่าในปี 2552 จะเท่ากับ -12.6% และ+1.4% ในปี 2553

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ