9 โครงการที่เคยเป็นข่าว ได้รับการอนุมัติ 2 โครงการ คือ เอสอาร์มาร์คและอีคอมเมิร์ซ ในวงเงิน 70 ล้านบาท ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ไม่ผ่านการอนุมัติ หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการก็สามารถขอเข้ามาใช้เงินกองทุนเพื่อสนับสนุนโดยผ่านกรมได้หลังจากนี้
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศว่า ที่ประชุมอนุมัติวงเงิน 798.6 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในปี 2553 แบ่งเป็นวงเงินในส่วนของภาครัฐ 732.5 ล้านบาท และเป็นของภาคเอกชน 66 ล้านบาท ในจำนวนนี้มี 2 โครงการจาก 9 โครงการที่เสนอเพิ่มเติมเข้าไปได้รับการอนุมัติ คือ โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกร (เอสอาร์มาร์ค) และอีคอมเมิร์ซได้รับการอนุมัติ
"ยืนยันว่ากิจกรรมที่ผ่านการอนุมัติได้รับการกลั่นกรองอย่างดีเพราะมีหลายหน่วยงานและภาคเอกชนร่วมเป็นกรรมการ โดยกิจกรรมที่อนุมัติจะเป็นไปตามนโยบายที่ได้ให้ไว้กับกรมส่งเสริมการส่งออกและจำเป็นต้องทำต่อเนื่อง เช่น โครงการไทยแลนด์ เบสต์เฟรนด์ และโครงการเอสอาร์มาร์คที่มีการดำเนินงานตั้งแต่ปีที่แล้ว"นางพรทิวา กล่าว
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า 9 โครงการที่เคยเป็นข่าว ได้รับการอนุมัติ 2 โครงการ คือ เอสอาร์มาร์คและอีคอมเมิร์ซ ในวงเงิน 70 ล้านบาท ส่วนโครงการอื่นๆ ที่ไม่ผ่านการอนุมัติ หากเห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการก็สามารถขอเข้ามาใช้เงินกองทุนเพื่อสนับสนุนโดยผ่านกรมได้หลังจากนี้ โดยวงเงิน 798.6 ล้านบาทที่ผ่านการอนุมัติเป็นกิจกรรมของกรม 692 ล้านบาทเพื่อใช้ดำเนินการใน 271 กิจกรรมส่วนใหญ่ยังคงเน้นในการจัดงานแสดงสินค้าต่างประเทศ แต่ก็ได้ลดจำนวนลงมาจากแผนปีก่อนที่มี 692 กิจกรรม เพราะต้องการเน้นการใช้เงินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แม้เอกชนอยากให้สนับสนุนมากกว่านี้
นางศรีรัตน์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการใช้งบประมาณ ไม่ได้ตามเป้าหมาย ทำให้สำนักงบประมาณ ย้ำว่าต้องใช้เงินให้เป็นไปตามแผนและมีประสิทธิภาพ โดยปี 2551 มีการใช้เงินเพียง 30%ของที่เสนอขอ และปีที่ผ่านมามีการใช้เงินไม่ถึง 50%
โครงการที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติมาจากหลายส่วน เป็นของกรมส่งเสริมการส่งออก จำนวน 271 โครงการวงเงิน 692 ล้านบาท ที่เหลือเป็นของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมทรัพย์สินทางปัญญา สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ส่วนโครงการพิเศษที่เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง เช่น เอสอาร์มาร์ค ปีที่ผ่านมาขอใช้วงเงิน 40 ล้านบาท สำหรับเชิญผู้นำเข้ารายใหญ่มาเยือนไทยจำนวน 50 รายปีนี้ ตั้งเป้าเชิญ 100 ราย วงเงิน 80 ล้านบาท
สำหรับ 9 โครงการที่เตรียมเสนอก่อนหน้านี้ เช่น การสร้างมูลค่าเพิ่มเกษตรกร (เอสอาร์มาร์ค) วงเงิน20 ล้านบาท โครงการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการส่งออก 35 ล้านบาท โครงการส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์สู่สากล 20 ล้านบาท โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจบริการเชิงสร้างสรรค์ร่วมกับ ASEAN-Japan Center 35 ล้านบาท และโครงการเพิ่มขีดการแข่งขันผู้ประกอบการรายใหม่ 30 ล้านบาท
ที่มา: http://www.depthai.go.th