รัฐบาลดูไบ : นโยบายการคลัง”ขาดดุล” กระตุ้นเศรษฐกิจ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 13, 2010 16:37 —กรมส่งเสริมการส่งออก

เชค โมฮัมหมัด บิน ราชิต อัล มัคตูม (Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum) ตำแหน่งรองประธานาธิบดี/นายกรัฐมนตรีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ครองรัฐดูไบ อนุมัติงบประมาณ 9.66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับปีงบประมาณ 2553 ถือเป็นงบประมาณขาดดุลร?อยละ 2 ของ GDP ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อธิบดีกรมตำรวจรัฐดูไบและประธานกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณรัฐดูไบ (Dubai Government’s Budget Committee) ได้ประกาศการจัดสรรงบประมาณปี 2553 จำนวน 9.66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลร้อยละ 2 ของ GDP เพื่อภาครัฐต้องการเข้าไปช่วยเสริมสภาพคล่องของเศรษฐกิจในปี 2553 ให้ขับเคลื่อนได้ต่อไป

ในปัจจุบันความจำเป็นในการทำงบประมาณขาดดุล เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนและเศรษฐกิจ หากรัฐบาลยุติการทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้เศรษฐกิจตกต่ำต่อเนื่องและไม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างยั่งยืนแล้ว อาจทำให้รัฐบาลต้องขาดดุลงบประมาณอีกมากเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกในอนาคต อีกทั้งอาจจะเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำแต่เงินเฟ้อสูง ซึ่งนายอับดุล ราห์มาน อัล ซาเลห์ ผู้อำนวยการของ Dubai Finance Department ได้กล่าวถึงงบประมาณขาดดุลนี้ว่า รัฐบาลจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีในปี 2553 คาดว่าประมาณมูลค่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่มีรายจ่าย 9.66 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้การขาดดุลทางการคลังของแผ่นดินเป็นมูลค่า 1.6 พันล้านเหรีญสหรัฐ แต่ยังไม่เกินกรอบความยั่งยืนทางการคลังของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กำหนดไว้ว่าไม่เกินร้อยละ 3 ของ GDP หรือที่มีงบประมาณแบบขาดดุลอยู่เพียงร้อยละ 2 ของ GDP เท่านั้น

งบประมาณดังกล่าวนั้นจะเน้นเพื่อเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลดูไบที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างให้มีความคืบหน้าบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะสามารถช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สำคัญอีกทางหนึ่ง

โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของรัฐดูไบที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างคือโครงการรถไฟฟ้า ระบบขนส่งมวลชนสายแรกของกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของรัฐดูไบ เส้นทางสายแรกที่เปิดใช้ไปแล้วนั้นคือเส้นทางสายสีแดง ส่วนเส้นทางสายสีเขียวระยะทาง 23.9 กม จำนวน 20 สถานีอยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าการก่อสร้างเส้นทางสายสีเขียวจะแล้วเสร็จในปี 2553 นี้ และมีโครงการสร้างเส้นทางสายสีฟ้า สีม่วงต่อไป

เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง 7,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 258,400 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่าของงบประมาณที่ตั้งไว้ 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐบาลดูไบไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างตามเวลาที่กำหนด และมีรายงานข่าวว่ากลุ่มบริษัทของญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้รับเหมาได้ชะลอการก่อสร้างรถไฟฟ้าดูไบเมโทร เนื่องจากรัฐบาลดูไบจ่ายเงินล่าช้า และประกาศว่าจะไม่ก่อสร้างต่อ จนกว่าจะได้รับเงินค่าจ้างที่ยังค้างอยู่ แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ทางการรัฐดูไบได้ยืนยันการก่อสร้างรถไฟฟ้าดูไบว่าจะยังเดินหน้าต่อไปตามกำหนด และได้จ่ายค่าจ้างให้กับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว

ยูเออีเป็นประเทศเล็กๆในโลก เหมือนเม็ดทรายในทะเลทรายเวลามีลมพัดก็จะถูกพัดปลิว ฉะนั้นต้องป้องกันตนเอง หันมากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเพิ่มการบริโภคและการลงทุน โดยเพิ่มอุปสงค์ของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ยากในเชิงปฎิบัติ อีกทั้งวิกฤติการเงินทั่วโลกครั้งนี้ต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ที่หลายประเทศในเอเซียได้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วด้วยการลดค่าเงิน ทำให้สามารถส่งออกส่งออกทำเงินเข้าประเทศได้ แต่ขณะนี้เศรษฐกิจโลกตกลงทั้งหมด ทฤษฏีการลดค่าเงินจึงไม่สามารถนำมาใช้ได้มากนัก แต่ทั้งนี้จะต้องหันมาพึ่งเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญมากว่าว่าจะสามารถเพิ่มการบริโภคได้อย่างไร

แม้ยูเออีว่าจะสามารถพึ่งพาจากรายได้น้ำมันเพื่อนำมาอัดฉีดในระบบการเงินการธนาคาร แต่ปัจจุบันมีความผันผวนของราคาน้ำมัน ความเสี่ยงเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น จากการที่รัฐบาลยูเออีใช้มาตรการการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล อาทิ ออกพันธบัตรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง และนำไปสู่ความเสี่ยงเงินเฟ้อในที่สุด

สำนักงานการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ