กรมส่งเสริมการส่งออกเร่งเตรียมความพร้อมภาคเอกชนเต็มที่ ลุยเปิดโครงการ “AFTA Action 2010” รับการเปิดเสรี AFTA ต้นปีนี้ โดยกลุ่ม“เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์” นำร่องดำเนินโครงการเป็นกลุ่มแรก คาดว่าจะส่งผลให้การค้าไทยกับอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ต่อปี
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเร่งปรับกลยุทธ์ด้านการส่งเสริมการส่งออก แต่งตั้ง Chief of Product เป็นการเฉพาะเพื่อดูแลสินค้าส่งออกสำคัญของไทย และให้กรมส่งเสริมการส่งออกเป็นหน่วยงานหลัก ในการกระตุ้นภาคเอกชนให้เตรียมพร้อมและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเปิดใช้ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 โดยภาษีสินค้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) เป็น 0% คาดว่าจะส่งผลให้การค้าไทยกับอาเซียนขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 25 ต่อปี
นางมาลี โชคล้ำเลิศ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก หัวหน้ากลุ่มสินค้า (Chief of Product) ดูแลสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญอันดับแรกของไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมฯ ได้มีการหารือกับภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2553 เพื่อรับทราบถึงข้อเสนอแนะและปัญหาในเรื่องต่างๆ ตลอดจนร่วมกันพิจารณาถึงแนวทางแก้ไข เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ภาคเอกชนเพื่อรองรับการเปิดเสรี AFTA และในวันที่ 11 มกราคม 2553 ได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับ AFTA เชิงลึกแก่ผู้แทนภาคเอกชนกลุ่มสินค้าดังกล่าว โดยจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การขับเคลื่อนการส่งออกและการใช้ประโยชน์จาก AFTA” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “AFTA Action 2010” ณ กรมส่งเสริมการส่งออก โดยมีผู้แทนจากทั้งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าต่างประเทศมาให้ความรู้ในเชิงลึกเฉพาะสำหรับกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งภาคเอกชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และขอให้จัดในลักษณะเดียวกันนี้ลงลึกในรายละเอียดเป็นรายสินค้าซึ่งกรมฯ ได้รับไปดำเนินการต่อไป
“จากการประชุมทั้งสองครั้ง ผู้แทนจากกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้ให้ความสนใจความรู้เรื่อง AFTA อย่างมาก โดยขอให้กรมฯ จัดให้ความรู้รวมไปถึงเรื่องอาเซียน-จีนด้วย ตลอดจนขอให้ภาครัฐเร่งรัดและให้ความสำคัญกับการเจรจาในกรอบ ASEAN+3 และ BIMSTEC เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเป็นอย่างมาก เพราะทางกลุ่มฯ นำเข้าวัตถุดิบจากจีนมาก และอินเดียก็ถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ อีกทั้งขอให้ประสานงานเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องการขอคืนภาษีสรรพสามิตในสินค้าแบตเตอร์รี่ที่ส่งออกไปกับเครื่องใช้ไฟฟ้า และปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั่วไปด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ภาครัฐทบทวนนโยบายการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นภาระของภาคเอกชนในการชำระภาษีซ้ำซ้อน” นางมาลี กล่าวเพิ่มเติม
กรมส่งเสริมการส่งออกกำหนดจะจัดโครงการ “AFTA Action 2010” สำหรับกลุ่มสินค้าอื่นๆ ตลอดเดือนมกราคม ศกนี้ นอกจากนี้ จะได้มีการจัด “AFTA Clinic” เพื่อให้ความรู้และตอบข้อซักถามของผู้ประกอบการเป็นการเฉพาะในเชิงลึก ซึ่งผู้ประกอบการสามารถติดต่อสอบถามได้ ทั้งในแง่ความรู้โครงสร้างภาษี และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ฯลฯ ได้
ที่มา: http://www.depthai.go.th